มหาวิทยาลัยมหิดลไม่เพียงเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งแรกประเทศไทยที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข แต่ยังมีโรงเรียนดนตรีแห่งแรกในประเทศไทยที่มีเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะดนตรี “วิทยาลัยดุริยางคศิลป์” ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ 2537 เพื่อส่งเสริมการพัฒนา soft power ของประเทศสู่ระดับนานาชาติ มีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านศิลปะการดนตรีในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับเตรียมอุดมดนตรีไปจนถึงระดับปริญญาเอก นอกจากนี้ยังมี มหิดลสิทธาคาร (Prince Mahidol Hall) ซึ่งเป็นอาคารที่การออกแบบระบบ Acoustic รวมถึงพื้นที่ภายในอาคารให้สามารถถ่ายทอดเสียงไปยังผู้ชมจำนวน 2,016 ที่นั่ง ได้รับฟังอย่างมีคุณภาพ อาคารถูกออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายตั้งแต่พิธีพระราชทานปริญญาบัตร การปฐมนิเทศนักศึกษา รวมทั้งการแสดงละคร ดนตรี ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ และการประชุมสัมมนาระดับประเทศและภาคพื้นทวีป ทั้งยังสามารถจัดเป็นห้องบรรยายการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย นอกจากนี้มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างเมืองที่น่าอยู่และปลอดภัย โดยเริ่มจากการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่านการปลูกต้นไม้ บริการรถรางสาธารณะให้กับบุคลากรและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีเส้นทางจักรยาน มีแนวทางการจัดการขยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสวัสดิการอาคารที่พักให้กับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัยในราคาที่ไม่แพง และเนื่องจากจะมีการสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) กับระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ มหาวิทยาลัยมหิดลจึงมีการทำแผนพัฒนาพื้นที่รอบสถานีศาลายาเพื่อรองรับการเข้ามาของรถไฟฟ้าและมีแผนพัฒนาทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟศาลายามายังระบบขนส่งสาธารณะของมหาวิทยาลัย และเชื่อมต่อไปยังศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเป็นระบบ โดยไม่กระทบ ระบบนิเวศภายในวิทยาเขตศาลายา มหาวิทยาลัยยังมีฐานข้อมูลกลางเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ การพัฒนาและมีระบบ WIFI ครอบคลุมทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัย โดยเพิ่มปริมาณ Internet Gateway Bandwidth เป็น 19 Gbps ซึ่งรองรับผู้ใช้จำนวนมากกว่า 70,000 บัญชี เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรเข้าถึงเทคโนโลยีในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ และยังสนับสนุนการใช้งานหลายอุปกรณ์เพื่อผลักดันไปสู่ Digital Convergence อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์ม We Mahidol Application ที่รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายตอบโจทย์การใช้ชีวิตของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2565 มียอดดาวน์โหลดเพื่อใช้งานมากกว่า 40,000 ครั้ง ซึ่งช่วยให้การรองรับการเปลี่ยนแปลงภายใต้ Disruptive Technology ต่อไปในอนาคต