Water

มหาวิทยาลัยมหิดลมีนโยบายส่งเสริมการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว มีการมุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรและนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยนั้น หน่วยระบบน้ำและเครื่องกล งานสาธารณูปโภคและระบบอาคาร กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่ควบคุมดูแลระบบน้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบน้ำผิวดิน ระบบระบายน้ำฝน ระบบน้ำพุ ระบบดับเพลิง กังหันเติมอากาศ เครื่องกลเติมอากาศ และระบบเครื่องกล รวมถึงงานออกแบบปรับปรุงระบบประปาและสุขาภิบาล ระบบปรับอากาศ และระบบระบายอากาศ หน่วยระบบน้ำและเครื่องกลจึงได้สำรวจและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำของมหาวิทยาลัยให้มีการใช้น้ำประปาได้อย่างต่อเนื่องและลดการสูญเสียน้ำประปา ตลอดจนให้ก้าวทันสู่ยุคดิจิทัล เพื่อความเชื่อมโยงตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 6 การจัดการน้ำและสุขาภิบาล (Clean Water and Sanitation) สร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนและมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน
total-annual-water-th
การบริหารจัดการน้ำใช้
มหาวิทยาลัยมหิดล มีการบริหารจัดการน้ำประปาอย่างเป็นระบบเพื่อความยั่งยืนและประสิทธิภาพ โดยได้รับน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาค สำหรับพื้นที่ศาลายา มหาวิทยาลัยได้วางระบบท่อจ่ายน้ำประปาเป็น ระบบท่อวงจร (Ring Loop Pipe System) ให้ครอบคลุมทุกส่วนงาน ซึ่งระบบนี้ช่วยกระจายและเพิ่มเสถียรภาพของแรงดันน้ำ อีกทั้งยังช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดน้ำเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้ โดยที่ยังคงสามารถจ่ายน้ำไปยังส่วนงานอื่น ๆ ได้ตามปกติ

นอกจากนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด มหาวิทยาลัยได้ติดตั้ง มาตรวัดน้ำประปาดิจิตอล จำนวน 90 จุด ครอบคลุมทุกส่วนงานในพื้นที่ศาลายา ระบบนี้เป็นหัวใจหลักของ ระบบการติดตามตรวจสอบปริมาณการใช้น้ำรายส่วนงานทั้งมหาวิทยาลัย เนื่องจากสามารถติดตามและตรวจสอบข้อมูลการใช้น้ำผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ และสามารถแจ้งเตือนทันทีหากพบปริมาณการใช้น้ำที่ผิดปกติ ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการรั่วไหลได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับส่วนงานที่ตั้งอยู่นอกพื้นที่ศาลายา การติดตามปริมาณการใช้น้ำจะดำเนินการโดยให้ส่วนงานดังกล่าวรายงานข้อมูลการใช้น้ำเป็นประจำทุกเดือนผ่านระบบ MU ECO DATA ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้ภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำครอบคลุมทุกพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดล
water
water-digital-meter
water
water
จุดติดตั้งมาตรวัดน้ำประปาดิจิตอลภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
การบริหารจัดการน้ำผิวดิน
การใช้น้ำประปาในชีวิตประจำวันของบุคลากร และนักศึกษา ก่อให้เกิดน้ำเสีย โดยน้ำเสียจะถูกรวบรวมไปบำบัดและปล่อยน้ำที่ผ่านมาตรฐานลงสู่คูคลอง โดยงานสาธารณูปโภคและระบบอาคารมีการตรวจวัดน้ำผิวดินเป็นประจำทุกเดือน โดยวัดค่าออกซิเจนละลายน้ำ และค่าความเป็นกรด – ด่าง หากตรวจพบค่าเกินมาตรฐาน งานสาธารณูปโภคและระบบอาคารจะมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำผิวดินให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเสมอ
water
ระบบระบายน้ำ
มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินโครงการจ้างลอกท่อระบบระบายน้ำฝนเป็นประจำทุก 2 ปี โดยดำเนินการลอกท่อตามรางดิน รางปูน ท่อระบายน้ำใต้ดิน และบ่อตะแกรงรับน้ำจากถนน เพื่อรองรับน้ำฝน และน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว โดยระบายออกจากพื้นที่สู่ภายนอกไม่ให้เกิดการท่วมขังของน้ำภายในมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ยังมีสถานีสูบระบายน้ำฝน 3 สถานี ได้แก่ อาคารชลศาสตร์ 1 (ทิศเหนือ) อาคารวิศวกรรมศาสตร์ และอาคารชลศาสตร์ 2 (ทิศใต้) โดยในปี พ.ศ. 2564 ได้พัฒนาระบบสูบน้ำฝนเป็นระบบ Mahidol Monitoring System (MMS) เพื่อนำเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในการติดตามข้อมูลวัดระดับน้ำภายในคลอง เพื่อป้องกันสถานการณ์น้ำท่วม ภัยแล้ง ซึ่งสามารถติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ข้อมูลจากการตรวจวัดสามารถนำข้อมูลที่ได้รับมาใช้เพื่อคาดการณ์ด้านน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยข้อมูลที่ได้สามารถนำไปใช้ในการวางแผนบริหารจัดการ และการตัดสินใจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดข้อมูลทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อพัฒนาคุณภาพที่ดีและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มหาวิทยาลัยมหิดลจึงดำเนินโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งอุปกรณ์วัดระดับน้ำ และควบคุมสถานีสูบระบายน้ำฝน รับ-ส่งข้อมูลระยะไกล
water
ระบบบำบัดน้ำเสีย
มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2523 ซึ่งมีจำนวนบุคลากร และนักศึกษา จำนวนน้อย จึงใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบบ่อผึ่ง ภายหลังบุคลากร และนักศึกษา เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และประกอบด้วยอาคารมากกว่า 80 อาคาร ได้แก่ อาคารเรียน หอพักนักศึกษา คอนโด โรงอาหาร มีบุคลากร และนักศึกษา มากกว่า 30,000 คน ทำให้ระบบบ่อผึ่งไม่สามารถรองรับน้ำเสียได้ จึงก่อให้เกิดน้ำเสียเป็นจำนวนมาก และน้ำเสียปนเปื้อนไหลลงแหล่งน้ำผิวดิน จึงมีการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Activated Sludge ขึ้นมาในปี พ.ศ.2555 โดยสามารถรองรับน้ำเสียได้ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวบรวมน้ำเสียจาก 17 หน่วยงาน
  • วิทยาลัยวิทยาศาตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
  • หอพักนักศึกษากองกิจการนักศึกษา
  • ศูนย์การเรียนรู้มหาวิทยาลัยมหิดล
  • คณะวิศวกรรมศาสตร์
  • วิทยาลัยนานาชาติ
  • คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
  • คณะวิทยาศาสตร์
  • บัณฑิตวิทยาลัย
  • คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  • หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล
  • คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
  • สถาบันโภชนาการ
  • สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน
  • สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย
  • สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้
  • สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล
  • อาคารนวัตกรรมชีวภัณฑ์มหิดล
water
หน่วยงานอื่นๆ นอกเหนือจากนี้จะมีระบบบำบัดน้ำเสียของตนเองเนื่องจากเป็นอาคารก่อสร้างใหม่ กองกายภาพและสิ่งแวดล้อมจะมีการตรวจสอบติดตามคุณภาพน้ำผิวดินเป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้มหาวิทยาลัยมหิดลมีทัศนียภาพที่สวยงาม และเพื่อสุขภาวะของบุคลากร และนักศึกษาที่ดี จึงมีการจัดการน้ำเสียอย่างถูกต้องตามกฎหมายกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบุคลากร และนักศึกษาที่ต้องการติดตามผลคุณภาพน้ำสามารถเข้าสืบค้นข้อมูลได้ที่ https://op.mahidol.ac.th/pe/2018/3155/
water
water
water
การตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง
ทางมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดทุกเดือน โดยน้ำที่ผ่านระบบบำบัดต้องมีคุณภาพตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด (ประเภท ก.) ดังนี้
พารามิเตอร์ (รายการตรวจวัด) มาตรฐานกำหนด ผลการตรวจวัด
ความเป็นกรด-ด่าง (pH) 5-9
บีโอดี (BOD) < 20 มก./ล.
สารแขวนลอย (Suspended Solid) < 30 มก./ล
สารที่ละลายได้ทั้งหมด (Total Dissolve Solid) < 1,000 มก./ล
ซัลไฟด์ (Sulfide) < 1.0 มก./ล.
ทีเคเอ็น (TKN) < 35 มก./ล.
น้ำมันและไขมัน (FOG) < 20 มก./ล.
หมายเหตุ: รายละเอียดรายงานคุณภาพน้ำทิ้งพารามิเตอร์อื่นๆ สามารถเข้าดูได้ที่ Link: https://op.mahidol.ac.th/pe/2018/3155/
การส่งเสริมการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
มหาวิทยาลัยมหิดลได้กำหนดให้ การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) เป็นกลยุทธ์สำคัญในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อลดการพึ่งพิงน้ำประปาที่มีมูลค่าสูง การดำเนินการนี้จึงไม่ใช่แค่การจัดการน้ำเสียให้ได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยน "น้ำทิ้ง" ที่ผ่านการบำบัดแล้วให้กลายเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ากลับคืนสู่ระบบ โดยเฉพาะเพื่อการดูแลพื้นที่สีเขียวและการใช้งานภายนอกอาคาร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
มหาวิทยาลัยมหิดลกำหนดให้ การบำบัดและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) เป็นหนึ่งในสี่เสาหลักของนโยบายการบริหารจัดการน้ำ พ.ศ. 2568 เพื่อขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่ความยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) และบรรลุเป้าหมาย SDG 6: การจัดการน้ำและสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน การดำเนินการนี้มุ่งเน้นการเปลี่ยน "น้ำทิ้ง" ที่ผ่านการบำบัดแล้วให้กลายเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เพื่อลดการพึ่งพิงน้ำประปาที่มีราคาสูง
นโยบายหลักกำหนดให้มีการ ส่งเสริมการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) และ การอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นกลยุทธ์สำคัญ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดการใช้พลังงานในการผลิตน้ำประปา เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายข้างต้น มหาวิทยาลัยจึงกำหนดมาตรการ 3 ด้านหลัก สำหรับทุกส่วนงาน ดังนี้:
  1. การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่สูงสุด (Maximize Water Reuse): มหาวิทยาลัยส่งเสริมและกำหนดให้ส่วนงานต่าง ๆ ศึกษาความเป็นไปได้และนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดจนได้มาตรฐานกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อทดแทนน้ำประปาในการใช้งานภายนอกอาคาร เช่น การรดน้ำต้นไม้ การทำความสะอาดพื้นที่ภายนอก และการเติมน้ำในคูคลอง
  2. การใช้แหล่งน้ำทางเลือกในการดูแลพื้นที่สีเขียว: กำหนดให้ส่วนงานใช้น้ำจากคูคลองภายในมหาวิทยาลัย และ/หรือ น้ำบำบัดที่ได้มาตรฐาน เป็นแหล่งน้ำหลักในการดูแลพื้นที่สีเขียว
  3. การป้องกันมลพิษทางน้ำ: กำหนดนโยบายให้ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ปุ๋ย และสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีที่เป็นอันตรายไหลลงสู่คูคลองภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการควบคุมและป้องกันมลพิษทางน้ำอย่างเคร่งครัด
ระบบน้ำรีไซเคิล
ระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Activated Sludge ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยสามารถผลิตน้ำรีไซเคิลได้วันละประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตร และในปี พ.ศ. 2562 มีโครงการวางท่อระบบจ่ายน้ำรีไซเคิล โดยนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมาเติมไบโอคลอรีนในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจ่ายน้ำให้หน่วยงาน ได้แก่ ระบบบำบัดน้ำเสีย ลานจอดรถบัส คณะสัตวแพทยศาสตร์ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ โดยนำน้ำไปไช้รดน้ำตันไม้ ล้างเครื่องจักรอุปกรณ์ ล้างพื้นคอกม้า ล้างกรงสัตว์ และล้างรถบัส
ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี การใช้น้ำรีไซเคิลส่งผลให้มหาวิทยาลัยประหยัดการใช้น้ำประปา 57,735 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 1,313,471 บาท โดยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการผลิตน้ำประปาจำนวน 31.23 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 6 การสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนและมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12 การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ผ่านการลดของเสียโดยกระบวนการ Reuse และ Recycle และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังที่กล่าวไปเบื้องต้นว่าช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการผลิตน้ำประปา
water


การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำและบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

ในฐานะ มหาวิทยาลัยเชิงนิเวศ (Eco-University) ที่มุ่งมั่นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) มหาวิทยาลัยมหิดลตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรอบด้านและรับผิดชอบ เพื่อให้สอดคล้องกับ SDG 6: Clean Water and Sanitation มหาวิทยาลัยจึงได้กำหนดนโยบายและมาตรการเชิงรุก เพื่อกระตุ้นให้บุคลากรและนักศึกษาเกิดจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการลดการใช้น้ำประปา, ควบคุมมาตรฐานน้ำเสีย, และส่งเสริมการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อันเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางน้ำให้กับประชาคมมหิดลอย่างยั่งยืน

1

ควบคุมมาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งจากอาคารของส่วนงานภายในมหาวิทยาลัย

โดยกำหนดค่าความเป็นกรดและด่าง (pH) บีโอดี (BOD) สารแขวนลอย (Suspended Solid) ซัลไฟด์ (Sulfide) สารที่ละลายได้ทั้งหมด (Total Dissolved Solids) ตะกอนหนัก (Settleable Solids) น้ำมันและไขมัน (Fat Oil and Grease) และทีเคเอ็น (TKN) ตาม ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง มาตรการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.2563

2

วิเคราะห์คุณภาพน้ำระบบบำบัดน้ำเสียก่อนและหลังการบำบัดให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งทุกเดือน

3

ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช เพื่อไม่ให้สารเคมีไหลลงสู่คูคลองภายในมหาวิทยาลัย

4

ห้ามหน่วยงานปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำผิวดินภายในมหาวิทยาลัย

หากมีการปล่อยน้ำเสียจะดำเนินการเก็บค่าบำบัดน้ำเสียตามอัตราค่าบริการและปรับผู้ปล่อยมลพิษทางน้ำ

5

รณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาและบุคลากร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ

water
water



6

สนับสนุนให้ทุกหน่วยงานของมหาวิทยาลัย

เลือกใช้อุปกรณ์ที่ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่เน้นการประหยัดน้ำ หรือสินค้าที่มีนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์น้ำ




ปัจจุบันได้ดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์ในห้องน้ำ ได้แก่ ก๊อกน้ำ ก๊อกน้ำอ่างล้างมือ โภสุขภัณฑ์ และโถปัสสาวะ เป็นอุปกรณ์ประเภทประหยัดน้ำหรือใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วร้อยละ 71.8 จากอุปกรณ์ทั้งหมด 12,607 (9,052 จากอุปกรณ์ทั้งหมด 12,607)



7

ส่งเสริมให้มีการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ล้างรถ รดน้ำต้นไม้


8

ตรวจสอบท่อน้ำรั่วซึม ท่อแตก เป็นประจำ และดำเนินการซ่อมทันที

โดยมหาวิทยาลัยมีระบบน้ำประปาดิจิตอล เพื่อใช้ตรวจสอบปริมาณการใช้น้ำในแต่ละจุด รวมทั้งตรวจสอบสถานะการทำงานของมาตรวัดน้ำ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบการทำงานได้ตลอดเวลาจากระบบออนไลน์ ซึ่งหากมีการทำงานที่ผิดปกติ เช่น ท่อน้ำรั่วซึม ท่อแตก ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบหรือซ่อมแซมในจุดนั้นๆ ทันที




9

กำหนดมาตรการใช้น้ำตามความจำเป็นเพื่อเตรียมการรับมือในภาวะวิกฤติและภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

การบริการตู้น้ำดื่มฟรี
มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ได้ติดตั้ง ตู้น้ำดื่มอัตโนมัติ จำนวน 23 จุด ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อส่งเสริมให้บุคลากร นักศึกษา และประชาชนทั่วไป มีความตระหนักและเห็นคุณค่าในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการลดการใช้ภาชนะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยสนับสนุนให้นำแก้วหรือกระบอกน้ำส่วนตัวมากดน้ำดื่มจากตู้กดน้ำระบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณ ขยะขวดพลาสติก จากการซื้อน้ำบริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญ
ด้านคุณภาพน้ำ ตู้กดน้ำดังกล่าวใช้ระบบ UF+UV (Ultrafiltration + Ultraviolet) ซึ่งมีความสามารถในการกรองแบคทีเรียและจุลินทรีย์ได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ยังคงรักษาแร่ธาตุต่าง ๆ ไว้ ไส้กรองน้ำยังได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มจากสถาบัน NSF (National Sanitary Foundation) ทำให้มั่นใจได้ว่านักศึกษาและบุคลากรจะได้รับน้ำดื่มที่มีคุณภาพและถูกสุขอนามัย นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังช่วยลดการสัมผัสของผู้ใช้งาน ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่ออีกด้วย
จุดติดตั้งตู้น้ำดื่มทั้ง 23 จุด ครอบคลุมพื้นที่สำคัญ เช่น อาคารเรียน, อาคารสำนักงาน, ห้องสมุด, ศูนย์อาหาร, หอพักนักศึกษา, พื้นที่ออกกำลังกาย และพื้นที่กิจกรรมส่วนกลาง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดและมีคุณภาพได้อย่างทั่วถึงตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 6: Clean Water and Sanitation
water-map-th
  • water
  • water
  • water
water
water
water
water
water
water