ทั่วโลกล้วนประสบกับผลกระทบอันรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาวะโลกร้อน ซึ่งหากไม่เริ่มดำเนินการอย่างทันท่วงทีจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินจากภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จากข้อตกลงในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ครั้งที่ 24 (COP24) ที่มุ่งเป้าสู่การบรรลุปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ให้ได้ภายในปี 2050 เพื่อรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสโดยมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์สำคัญของการเจรจา คือ การควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และป้องกันไม่ให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเป็นระดับที่จะเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติอย่างแก้ไขไม่ได้
มหาวิทยาลัยมหิดลตระหนักถึงความสำคัญและความเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่มนุษย์ จึงได้กำหนด นโยบายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG เป้าหมายที่ 13: Climate Action การปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งมุ่งระดมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาแบบคาร์บอนต่ำ ซึ่งควรดำเนินการควบคู่ไปกับการบูรณาการมาตรการด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และความมั่นคงของมนุษย์ เข้ากับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ การรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ไม่เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส จำเป็นต้องมีเจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็ง การลงทุนและการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น และความร่วมมือในการดำเนินการอย่างเร่งด่วน และมีเป้าประสงค์ภายใต้ เป้าหมายที่ 13 ดังนี้
เสริมภูมิต้านทานและขีดความสามารถในการปรับตัวต่ออันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศในทุกประเทศ
บูรณาการมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในในนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวางแผนระดับชาติ
พัฒนาการศึกษา การสร้างความตระหนักรู้ และขีดความสามารถของมนุษย์และของสถาบันในเรื่องการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับตัว การลดผลกระทบ และการเตือนภัยล่วงหน้า
ดำเนินการให้เกิดผลตามพันธกรณีที่ผูกมัดต่อประเทศพัฒนาแล้วซึ่งเป็นภาคีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีเป้าหมายร่วมกันระดมทุนจากทุกแหล่งให้ได้จำนวน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ภายในปี 2563 เพื่อจะแก้ปัญหาความจำเป็นของประเทศกำลังพัฒนาในบริบทของการดำเนินการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญและมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน และทำให้กองทุน Green Climate Fund ดำเนินงานอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุดผ่านการให้ทุน (capitalization)
ส่งเสริมกลไกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการวางแผนและการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิผลในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด และให้ความสำคัญต่อผู้หญิง เยาวชน และชุมชนท้องถิ่นและชายขอบ
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของมหาวิทยาลัย ภายในปี 2030
เพื่อรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
โดยสอดรับกับนโยบายมหาวิทยาลัยเชิงนิเวศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” หรือ “Mahidol Eco University
and Sustainability Policy มีองค์ประกอบหลัก 5 ส่วนได้แก่
1. ส่งเสริมความร่วมมือในการรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมหาวิทยาลัย
2. ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Direct Emission)
3. ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emissions)
4. ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (Other Indirect Emissions)
5. ส่งเสริมการกักเก็บและดูดกลับคาร์บอน (Carbon Capture and Storage)
1.1 คาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN)
1.2 Race to Zero for Universities and Colleges, Second Nature
1.3
คาร์บอนฟุตพริ้น (Carbon Footprint)
- การจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon
Footprint for Organization)
-
คู่มือการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของโรงพยาบาล
- โครงการผู้บริหารคาร์บอนต่ำ
2.1 รถรางไฟฟ้า
2.2 ไบโอดีเซล
(BIODIESEL)
2.3
ถนนคนเดินและ Cover Way
3.1 Solar Roof อาคารบำบัดน้ำเสีย มหาวิทยาลัยมหิดล
3.2 Solar Rooftop ในปัจจุบันและอนาคต
4.1
โครงการธนาคารขยะรีไซเคิล (Recycle Waste Bank Project)
4.2 โครงการผลิตปุ๋ยหมัก (Compost Production Project)
4.3 Mahidol
No Plastic
- มหิดล Reduce & Reuse ถุงพลาสติก
-
โครงการรณรงค์ลดเครื่องดื่มประเภทที่มีน้ำตาลและลดการใช้แก้วพลาสติก
- ตู้กดน้ำดื่มอัตโนมัติ
4.4
การบริหารจัดการน้ำใช้
4.5
ระบบบำบัดน้ำเสียและน้ำรีไซเคิล
5.1
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ
พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ
และเป็นศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรไทยระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยมีพื้นที่ 140
ไร่
ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรไทยและธรรมชาติวิทยาแนวใหม่ที่มุ่งสร้างประสบการณ์จริงสู่การใช้ประโยชน์ทุกระดับ
เพื่อบริการวิชาการแก่สังคม ให้มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาตนเอง
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
รวบรวมพันธุ์สมุนไพรที่ปรากฏในตำรายาไว้ประมาณ 800 ชนิด นอกจากนี้
ภายในอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายอาทิ
ห้องนิทรรศการถาวร “สมุนไพร ภูมิปัญญาไทยสู่สากล” ให้ผู้ชมได้เข้าใจภูมิปัญญาไทย
การประยุกต์ใช้สมุนไพร ทั้งในเชิงการใช้ชีวิตประจำวันและในเชิงวิทยาศาสตร์
ลาน สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ให้ผู้ชมได้เรียนรู้จากสมุนไพรใกล้ตัว
ได้เห็นของจริงอย่างใกล้ชิดและมั่นใจได้ในการใช้งานอย่างปลอดภัย
เพราะเป็นสมุนไพรที่มีงานวิจัยรองรับ ลาน สมุนไพรเพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุ
มีสื่อการสอนพิเศษสำหรับผู้พิการทางสายตา ที่สำคัญ
อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติได้จัดสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “การออกแบบเพื่อมวลชน”
(Universal Design) โดยเป็นการออกแบบสิ่งแวดล้อม สถานที่
และสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ คนพิการ หรือผู้ที่ด้อยสมรรถภาพด้านต่าง ๆ
เพื่อให้ผู้ชมทุกกลุ่มสามารถมาเรียนรู้และเยี่ยมชมอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติได้อย่างเท่าเทียมกัน
5.2
พื้นที่สีเขียวในศาลายา
5.3
พื้นที่ชุ่มน้ำและการจัดการน้ำผิวดินในศาลายา
5.4 MU ECO
Park
5.5
โครงประกวดการสวนมุมสวย
5.6
โครงการปลูกต้นไม้เพื่อดูดกลับก๊าซเรือนกระจก
5.7
โครงการรวมพลคนวัดต้นไม้