9 To Zero

9 To Zero
“การมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายในปี พ.ศ.2573”
“9 to Zero” หรือ “ก้าวสู่ศูนย์” จึงเป็นแผนของมหาวิทยาลัยมหิดลที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในมหาวิทยาลัยสุทธิเป็นศูนย์ภายใน 9 ปี หรือ ภายในปี ค.ศ.2030 (พ.ศ.2573) ที่จะสนับสนุนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ โดยมีการตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเทียบกับการคาดการณ์ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกรณีปกติ (Business As Usual) เป็น 3 ระยะ คือ
ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 65 % ภายใน พ.ศ.2567 (ค.ศ.2024)
ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 85 % ภายใน พ.ศ.2570 (ค.ศ.2027)
ลดก๊าซเรือนกระจกได้ 100 % ภายใน พ.ศ.2573 (ค.ศ.2030)

มหาวิทยาลัยมหิดลมีการดำเนินการติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร โดยได้รวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมขององค์กรทั้ง 3 ขอบเขต เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • image
    ขอบเขตที่
    1 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง
    (Direct Emission)

    ได้แก่

    • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้อยู่กับที่ (Stationary Combustion) เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจากอุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่องค์กรเป็นเจ้าของ

    • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เคลื่อนที่ (Mobile Combustion) เช่น การใช้ยานพาหนะขององค์กร การใช้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่เคลื่อนที่ได้

    • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการรั่วไหลอื่น ๆ (Fugitive Emission) เช่น การรั่วไหลของสารทำความเย็น การใช้สารเคมี การใช้ปุ๋ย การบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น

  • image
    ขอบเขตที่
    2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Energy Indirect Emission)

    ได้แก่ ไฟฟ้าที่ถูกนำเข้าจากภายนอกเพื่อใช้งานภายในองค์กร

  • image
    ขอบเขตที่
    3 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (Other Indirect Emission)
    • ได้แก่ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ นอกเหนือจากที่ระบุใน Scope 1 และ Scope 2 เช่น

“ก้าวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2030 ด้วย 9 หลักการ”
  • image
    ส่งเสริมการเพิ่มการผลิตพลังงานทดแทนภายในมหาวิทยาลัย เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิง ฟอสซิลที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ในการผลิต ซึ่งพลังงานทดแทนที่มาใช้ภายใน มหาวิทยาลัยได้คำนึงถึงลักษณะพื้นที่ ลักษณะอาคาร ลักษณะภูมิอากาศ ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี เพื่อให้ความคุ้มค่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดย มีการติดตั้งโซล่าเซลล์ในพื้นที่ ศาลายา วิทยาเขตกาญจนบุรี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และมีแผนการขยายการติดตั้งโซล่าเซลล์ให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยมากที่สุด
  • image
    ก้าวที่ 2 การใช้ทรัพยากรอย่าง มีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency)
    การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพให้เข้าถึงทุกส่วนงาน รวมถึงการสร้างความตระหนักและปลูกจิตสำนึกให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับมหาวิทยาลัย ร่วมดำเนินการอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากรในระบบ และมีการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสามารถเริ่มได้ที่ตัวเราหรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรได้ เช่น

    - การสร้างความตระหนักในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้กระดาษสองหน้า การลดใช้กระดาษ (Paperless) E-meeting การรณรงค์เรื่องการใช้น้ำและไฟฟ้าอย่างประหยัด
    - ระบบน้ำรีไซเคิล เป็นการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับมาใช้เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการใช้น้ำประปา
  • image
    การส่งเสริมการคมนาคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย และสนับสนุนให้ทุกส่วนงานร่วมมือกันปรับปรุง ปรับเปลี่ยนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากการช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังสามารถลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ด้วย โดย

    - การสนับสนุนรูปแบบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปรับปรุงเส้นทางการสัญจรภายในมหาวิทยาลัย ที่รองรับการเดิน การใช้จักรยาน
    - การให้บริการรถสาธารณะ ได้แก่ รถรางไฟฟ้า รถบัสมหาวิทยาลัย และการให้ยืมจักรยาน ที่จั๊กก้าเซนเตอร์
    - การใช้พลังงานสะอาดในการคมนาคมโดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้เชื้อเพลิงของยานพาหนะสาธารณะของมหาวิทยาลัย เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้า การใช้ระบบไฮบริด การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ
  • image
    มหาวิทยาลัยส่งเสริมการอนุรักษ์และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้ง ใน และรอบอาคาร รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางในมหาวิทยาลัย อาทิ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่รกร้าง สวนแนวตั้ง และในอาคาร ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมีได้มีการสำรวจสำรวจและวัดการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของต้นไม้ ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยทั้งที่ ศาลายา วิทยาเขตกาญจนบุรี โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ และโครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ เพื่อวัดปริมาณการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ในปัจจุบัน และเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ โดย มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดพื้นที่สีเขียวให้บุคคลทั่วไปเข้าถึงเพื่อการพักผ่อน และการใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้แก่ นอกจากการดูแลและเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยมหาวิทยาลัยแล้ว ยังมีการส่งเสริมให้หน่วยงานให้ความสำคัญในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่านรูปแบบโครงการหรือกิจกรรมที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง เสริมสร้างองค์ความรู้ในการจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืนและเกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น
  • image
    ก้าวที่ 5 การจัดซื้อจัดจ้างและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)
    การส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับทุกส่วนงาน และเพิ่มร้อยละของรายการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเลือกใช้สินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าหรือบริการแบบเดียวกัน และยังเป็นกลไกกระตุ้นให้ผู้ผลิตหรือผู้บริการพัฒนาวิธีการผลิตเพื่อตอบสนองการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้
    มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีการ กำหนดแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามแนบปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมการผลิตในประเทศ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบ รายชื่อและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของกรมควบคุมมลพิษ จาก 37 รายการ ได้แก่ กระดาษถ่ายเอกสารหรืองานพิมพ์ทั่วไป กระดาษถ่ายเอกสารหรืองานพิมพ์ทั่วไป ผลิตภัณฑ์ลบคำผิด หลอดฟลูออเรสเซนซ์ เครื่องเรือน กระดาษชำระ แบตเตอรี่ปฐมภูมิ ปากกาไวต์บอร์ด เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ ตลับหมึก สีทาอาคาร ซองเอกสาร แฟ้มเอกสาร กล่องใส่เอกสาร รถยนต์ น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเชื้อเพลิง บริการทำความสะอาด บริการเช่าเครื่องถ่ายเอกสาร บริการโรงแรม
  • image
    ก้าวที่ 6 งานวิจัยและเทคโนโลยีที่สนับสนุนการลดหรือดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Research & Technology for a Carbon Capture / Reduction)
    มหาวิทยาลัยมหิดลได้สนับสนุนและส่งเสริมงานวิจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถสนับสนุนการลดหรือดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ และส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ให้แก่นักศึกษา นักวิชาการเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
  • image
    ก้าวที่ 7 การบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืชเป็นพื้นฐาน (Plant-based)
    มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดี จึงได้สนับสนุนและส่งเสริมการบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืชเป็นพื้นฐาน โดยสนับสนุนให้บุคลากรและนักศึกษาหันมาเลือกบริโภคอาหารประเภท Plant-Based โดยเน้นการบริโภคพืช ผัก ผลไม้ แทนเนื้อสัตว์เป็นหลักผ่าน การจัดกิจกรรมให้ความรู้ในวันสิ่งแวดล้อมโลกในหัวข้อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การบริโภคอย่างยั่งยืน ซึ่งการรับประทานอาหาร Plant-Based จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มทางเลือกการบริโภคด้วยการเพิ่มเมนูอาหารประเภท Plant-Based ภายในมหาวิทยาลัย
  • image
    ก้าวที่ 8 ขยะสู่แหล่งฝังกลบเป็น ศูนย์ (Zero waste to landfill)
    มหาวิทยาลัยมหิดลส่งเสริมการบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดตามหลัก 3Rs (Reduce Reuse Recycle) และคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนการเพิ่มมูลค่าของขยะที่เกิดขึ้น เพื่อลดการเกิดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น
    - ตู้น้ำดื่มอัตโนมัติ  ในพื้นที่ส่วยกลางโดยรอบมหาวิทยาลัย เพื่อการส่งเสริมให้นำแก้วส่วนตัวมาใช้และลดขยะพลาสติกที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์น้ำดื่ม
    - MU Refill Station   ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันแบบแบ่งขาย เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม แชมพู สบู่ โดยผู้ซื้อสามารถนำขวดบรรจุภัณฑ์ของตัวเองมาเติมน้ำยาต่าง ๆ เพื่อเป็นการลดขยะบรรจุภัณฑ์ และส่งเสริมการใช้ซ้ำ
    - Mahidol No Plastic  การรณรงค์การลดการใช้พลาสติก
    - ธนาคารขยะรีไซเคิล  เป็นการส่งเสริมการคัดแยกขยะ และการรีไซเคิลขยะเพื่อลดขยะสู่หลุมฝังกลบ โดยสมาชิกในมหาวิทยาลัยหรือบุคลภายนอกทั่วไปสามารถนำขยะรีไซเคิลที่คัดแยกมาจำหน่าย และสามารถถอนเงินหรือฝากสะสมไว้กับโครงการก็ได้ ซึ่งสมาชิกจะได้รับสมุดคู่ฝากคล้ายกับสมุดบัญชีธนาคาร ปัจจุบันขยะรีไซเคิลที่รับซื้อมี 16 รายการ

    - การผลิตฮิวมัส  เป็นการแปรรูปขยะอินทรีย์ เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ เศษหญ้า จากการดูแลภูมิทัศน์ภายในมหาวิทยาลัย

  • image
    ก้าวที่ 9 การพัฒนารูปแบบการติดตามการลดก๊าซเรือนกระจก (Monitor & Improvement)
    มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการติดตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ผ่านการโปรแกรม MU ECODATA เพื่อเป็นให้ส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยได้ทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเอง ทำให้กำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เหมาะสมกับการดำเนินงานมากขึ้น โดยมหาวิทยาลัยได้ส่งเสริมการพัฒนาอุปกรณ์และระบบการติดตามการลดก๊าซเรือนกระจกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสนับสนุนส่วนงานในการขอการรับรอง คาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และชดเชยคาร์บอนให้แก่ส่วนงาน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้เข้าร่วม เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) และ Race to Zero for Universities and Colleges ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในการรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมหาวิทยาลัย