No Poverty

ยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่

มหาวิทยาลัยมหิดลให้ความสำคัญกับการให้โอกาสนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นบุตรคนแรกของครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ ให้สามารถเรียนจนจบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหิดลและมีโอกาสทำงานในองค์กรที่มั่นคง สามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไปได้ โดยมหาวิทยาลัยมหิดลให้ทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างแท้จริง ประจำปีการศึกษา 2564 กว่า 332 ทุน เป็นจำนวนเงินกว่า 16,600,000 บาท โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ทุนการศึกษาต่อเนื่องสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ขึ้นไป อัตราทุนละ 50,000 บาท ต่อปีการศึกษา จำนวน 48 ทุน ทุนการศึกษารายปี สำหรับนักศึกษาทุกชั้นปี อัตราทุนละ 50,000 ต่อปีการศึกษา จำนวน 284 ทุน และยังมีทุนประเภทอื่น ๆ ให้แก่นักศึกษา เช่น ทุนสนับสนุนการศึกษา ทุนช่วยเหลือและสนับสนุนกรณีพิเศษ ทุนสวัสดิการ เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอย่างครอบคลุมทุกวิทยาเขต และทางมหาวิทยาลัยยังมีสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ทุนอาหารกลางวัน หอพักราคาถูก รถรางรับ-ส่ง รวมทั้งมีบริการด้านการรักษาพยาบาลครอบคลุม ทั้งการรักษาโรคทั่วไป ทางร่างกาย ทางจิตใจ ทางทันตกรรม ให้กับนักศึกษาทุกคน ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษาของบุตรให้แก่ผู้ปกครอง และสำหรับนักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริมในเวลาว่างนั้น ทางมหาวิทยาลัยก็มีทุนนักศึกษาช่วยงาน โดยให้ค่าจ้างชั่วโมงละ 40 บาท หรือ วันละ 300 บาท ซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้ในระดับหนึ่ง ทางมหาวิทยาลัยมหิดลยังได้เล็งเห็นถึงปัญหาด้านหนี้สินของเกษตรกร ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของความยากจน จึงได้มีโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการลดปัจจัยที่ก่อให้เกิดหนี้สิน ได้แก่ การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับผู้ประกอบการ SMEs ด้านการเกษตรผ่านโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ Start Up, Early Stage เพื่อช่วยเพิ่มทักษะในการวางแผนการบริหารจัดการของเกษตรกร และการจัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ผลิตข้าวอินทรีย์มหิดลก่อให้เกิดมาตรฐานข้าวอินทรีย์มหิดล เพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภค นอกจากการให้ความช่วยเหลือเพื่อลดความยากจนภายในมหาวิทยาลัย และในระดับชุมชนแล้ว ทางมหาวิทยาลัยมหิดลยังมีส่วนให้ความช่วยเหลือนักศึกษาจากประเทศรายได้น้อย ดังเช่น การเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้ให้ทางมหาวิทยาลัยทำหน้าที่ดำเนินการช่วยเหลือทางด้านทุนการศึกษาแก่นักศึกษา จากราชอาณาจักรกัมพูชาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จำนวน 29 คน ให้เข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2561 - 2564

Highlights
  • thumb
    24 ส.ค. 2565
    การพัฒนามันสำปะหลังพันธุ์พิรุณ
    พัฒนาและคัดเลือกสายพันธุ์มันสำปะหลังให้มีปริมาณแป้งและผลผลิตที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความต้านทานต่อโรคใบด่าง โดยการคัดเลือกนั้นจะเป็นการผสมผสานการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลังแบบดั้งเดิม ร่วมกับการนำเครื่องหมายโมเลกุลที่สัมพันธ์กับลักษณะดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการคัดเลือก
  • thumb
    12 13
    14 มิ.ย. 2567
    การประยุกต์ใช้มาตรฐานสำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Office) เพื่อลดการใช้พลังงานและก๊าซเรือนกระจกของสำนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานของสถาบันการศึกษาของประเทศไทย
    ศึกษาวิจัยการลดการใช้พลังงานและก๊าซเรือนกระจกของสำนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักงานของสถาบันการศึกษา โดยการนำมาตรฐานสำนักงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Office) ไปประยุกต์ใช้ สามารถสร้างจิตสำนึกและความตระหนัก นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายของสำนักงานต่าง ๆ และสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศลงได้
  • thumb
    03 13
    2 เม.ย. 2567
    การพัฒนาดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
    ดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพ (AQHI) เป็นเครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกิดจากการรับสัมผัสสารมลพิษ
  • thumb
    14 ก.พ. 2567
    การพัฒนาต้นแบบการควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน
    1.ลดพฤติกรรมเสี่ยงลดโรคเรื้อรังโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน “การสร้างกลไกและเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนขับเคลื่อนแก้ปัญหาโรคเรื้อรัง โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและภาคีเครือข่าย แก้ปัญหาด้วยแนวทางหลากหลาย 3อ.3ส. ติดตามประเมินและถอดบทเรียน มุ่งสู่การลดพฤติกรรมเสี่ยง ลดโรคเรื้อรังอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” 2. นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อบริการสุขภาพชุมชนด้วยการส่งเสริมและป้องกันโรคด้วย Health Literacy ของประชาชน “ปลูกสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้นวัตกรรมดิจิทัลเป็นเครื่องมือการเข้าใจปัญหาสุขภาพด้วยแกนนำชุมชน รู้เร็วและรู้จริง นำไปสู่การจัดบริการส่งเสริมและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และบริบท”
  • thumb
    01 02 03
    5 มี.ค. 2567
    การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวอินทรีย์ผงเพื่อเป็นส่วนผสมอาหารในอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวอินทรีย์อัดเม็ด
    การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวอินทรีย์ผงเพื่อเป็นส่วนผสมอาหารในอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวอินทรีย์อัดเม็ด
  • thumb
    02 06 08
    24 ส.ค. 2565
    งานวิจัย เรื่อง "กุ้งก้ามกรามแปลงเพศ MU1"
    เป็นการวิจัยและพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีด้านชีวโมเลกุล โดยการนำกุ้งก้ามกรามเพศผู้ที่ปลอดโรค สุขภาพดี โตเร็ว มากระตุ้นให้เกิดการแปลงเพศเป็นเพศเมียด้วยสารประกอบชีวโมเลกุล (คำขอรับสิทธิบัตรเลขที่ 181006124) ผ่านกรรมวิธีการการผลิตกุ้งแปลงเพศ (คำขอรับสิทธิบัตรเลขที่ 181006125) สำหรับกระตุ้นการแปลงเพศ จนกระทั่งได้กุ้งก้ามกรามเพศผู้ที่มีเพศสภาพภายนอกเป็นเพศเมีย เมื่อนำไปผสมกับพ่อพันธุ์กุ้งก้ามกราม ก็จะให้ลูกก้ามกรามเพศผู้
  • thumb
    04 05 10
    10 เม.ย. 2567
    การพัฒนาหลักสูตรและรูปแบบการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษาแบบรอบด้านสำหรับเยาวชนที่มีความพิการทางการเห็น
    เยาวชนพิการทางการเห็นมีความต้องการจำเป็นพิเศษในการเรียนรู้เรื่องเพศวิถี เนื่องจากไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยการมองเห็นและการสังเกต โครงการนี้จึงพัฒนาหลักสูตรเพศวิถีศึกษาแบบรอบด้านสำหรับเยาวชนที่มีความพิการทางการเห็นโดยเฉพาะ เพื่อครอบคลุมการเรียนรู้บางประเด็นที่ต้องสอนอย่างเป็นขั้นตอน ตลอดจนแนะนำวิธีการเรียนการสอนและสื่อที่เยาวชนที่มีความพิการทางการเห็นสามารถเข้าถึงและเรียนรู้ได้
  • thumb
    5 มิ.ย. 2567
    โครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
    โครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ค่ายเยาวชนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ ปลูกจิตสำนึกที่ดีทางด้านสิ่งแวดล้อม และกล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำ สามารถสื่อความหมายในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านสิ่งแวดล้อม
  • thumb
    13 15
    5 มิ.ย. 2567
    การพัฒนาเครือข่ายการวิจัยสภาพภูมิประเทศแบบคาสต์ ระบบถ้ำ และการจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศธรณี ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
    แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความโดดเด่นในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงธรณี เนื่องจากระบบถ้ำเป็นระบบนิเวศที่มีลักษณะเฉพาะและมีองค์ประกอบทั้งทางกายภาพและทางชีวภาพที่ซับซ้อนหรืออาจหมายรวมถึงความไม่ปลอดภัยที่อาจเกิดกับนักท่องเที่ยวได้ วัตถุประสงค์ของแผนงานนี้คือ จัดทำต้นแบบการจัดการการท่องเที่ยวด้านธรณีในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอบเขตครอบคลุมพื้นที่คาสต์ ถ้ำน้ำลอด ถ้ำเพชร และถ้ำพุทโธ จากการวิเคราะห์ โดยใช้กรอบของยูเนสโกและคู่มือมาตรฐาน คุณภาพสิ่งแวดล้อมธรรมชาติประเภทถ้ำซึ่งประกอบด้วยการประเมินคุณค่าของแหล่งธรรมชาติประเภทถ้ำ ศักยภาพในการทรงคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ำ และการประเมินความเสี่ยงของแหล่งท่องเที่ยว ประเภทถ้ำ พบว่า ถ้ำลอดมีคุณค่าและศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวประเภทถ้ำสูงสุดและมีความเสี่ยงต่ำสุด ถ้ำและคาสต์ในอำเภอปางมะผ้ายังต้องมีการพัฒนาเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวทางธรณีอย่างสร้างสรรค์และยังยืนในการศึกษานี้ได้เสนอ 4 กลยุทธ์ คือ 1) กลยุทธ์เชิงรุก คือการยกระดับให้อำเภอปางมะผ้าเป็นมรดกทางธรณีโดยใช้กรอบของยูเนสโกในการขับเคลื่อน 2) กลยุทธ์เชิงแก้ไข ประกอบด้วย พัฒนาองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์มรดกทางธรณี และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ 3) กลยุทธ์เชิงป้องกัน คือพัฒนาเป็นเมืองสุขภาพ และ 4) กลยุทธ์เชิงรับ คือ ส่งเสริมสาธารณสุขพื้นฐาน และพัฒนาระบบเตือนภัย
  • thumb
    03
    20 ก.ค. 2566
    โครงการการศึกษาสถานการณ์ด้านสุขภาวะของคนไทยเพื่อจัดทำรายงานสุขภาพคนไทย 2566-2568
    สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินโครงการจัดทำรายงานสุขภาพคนไทยประจำปี โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตั้งแต่ปี 2546 มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 19 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รายงานสุขภาพคนไทย มีบทบาทในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูล สถานการณ์ รวมถึง บทวิเคราะห์ประเด็นสำคัญต่างๆ ด้านสุขภาพที่ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน โดยข้อมูลและองค์ความรู้ที่จัดทำและเผยแพร่ในแต่ละปีทำหน้าที่ในการชี้ประเด็นปัญหาและปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนไทยที่กำลังเกิดขึ้นหรือมีแนวโน้มเป็นเรื่องที่มีความสำคัญของประเทศ รวมถึงให้ข้อเสนอแนะแนวทางในการติดตามแก้ไขปัญหา หน่วยงานผู้กำหนดนโยบาย รวมถึงภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนงานทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลสถิติ บันทึกสถานการณ์และบทวิเคราะห์จากเนื้อหาในทุกส่วน ไปใช้ในการอ้างอิงและวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางนโยบายในอนาคต สำหรับประชาชนผู้อ่านทั่วไป ข้อมูลเนื้อหาในเล่มรายงานช่วยเพิ่มความตระหนักต่อสถานการณ์ด้านสุขภาพในประเทศและเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพ นักวิชาการสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านการเรียนการสอน เป็นแหล่งข้อมูลการอ้างอิงสถานการณ์ทางสุขภาพที่เป็นปัจจุบัน มีความน่าเชื่อถือ สามารถใช้ในการกำหนดประเด็นปัญหาและหัวข้อในการศึกษาวิจัย รวมถึงวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหาทางสุขภาพของคนไทยเชิงลึกได้ต่อไป โครงสร้างเนื้อหาของรายงานสุขภาพคนไทยประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) ส่วนตัวชี้วัดสุขภาพ 2) ส่วนสถานการณ์เด่นและผลงานดีๆ ทางสุขภาพในรอบปี และ 3) ส่วนสุดท้ายซึ่งเป็นหัวข้อหลัก (theme) ประจำฉบับ คือ ส่วนเรื่องพิเศษประจำฉบับ องค์ประกอบโครงสร้างเนื้อหาทั้ง 3 ส่วนนี้ เป็นประโยชน์กับผู้อ่านหลากหลายกลุ่มโดยนำเสนอข้อมูลและบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่มีจุดเน้นและรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกันแต่สามารถสื่อสารได้กับคนทุกกลุ่ม โดยส่วนแรกหรือตัวชี้วัดสุขภาพเป็นประโยชน์กับผู้กำหนดนโยบาย ภาคีเครือข่ายการขับเคลื่อนงานทางสุขภาพ รวมถึงนักวิชาการ กลุ่มนักเรียนและนักศึกษาในการใช้ประโยชน์เป็นแหล่งอ้างอิงข้อมูลสุขภาพในแต่ละเรื่อง ส่วนสถานการณ์เด่นทางสุขภาพเป็นประโยชน์กับประชาชนผู้อ่านทั่วไปที่จะได้รับทราบสถานการณ์ทางสุขภาพสำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละปี บนพื้นฐานของการนำเสนอข้อมูลและบทวิเคราะห์ที่รอบด้านและเป็นกลาง และส่วนเรื่องพิเศษประจำฉบับเป็นประโยชน์แก่ผู้กำหนดนโยบาย และผู้อ่านทุกกลุ่มจากเนื้อหาที่มีการรวบรวมในประเด็นที่นำเสนอเป็นเรื่องพิเศษแต่ละปีอย่างเป็นระบบ มีบทวิเคราะห์ถึงประเด็นที่อาจเป็นทั้งปัญหาหรือโอกาสต่อสุขภาพของคนไทย เสนอแนะแนวทางที่เกี่ยวข้องในการจัดการหรือแก้ไขปัญหานั้นๆ ที่สามารถนำไปวิเคราะห์เชิงลึกและใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงนโยบาย การขับเคลื่อนงาน หรือสร้างความตระหนักรอบรู้ทางสุขภาพในระดับบุคคลได้
  • thumb
    03
    25 มี.ค. 2567
    การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้รักษามะเร็ง ด้วยเซลล์และยีน (CAR - T cell)
    นวัตกรรมการวิจัยรักษาทางการแพทย์ผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้รักษามะเร็งด้วยเซลล์และยีน (CAR - T cell) ภายใต้มาตรฐานสากลแห่งแรกในอาเซียน
  • thumb
    13 15
    20 ก.ค. 2566
    การพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อลดการเผาอ้อยและเศษวัสดุในไร่อ้อย ในจังหวัดกาญจนบุรี
    ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทย มีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเผาวัสดุการเกษตรในที่โล่ง จากข้อมูลสถิติในช่วงปี ค.ศ. 1960-2015 แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ปริมาณเศษวัสดุของข้าวที่ถูกเผาจะสูงกว่าอ้อย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 พบปริมาณเศษวัสดุของข้าวมีแนวโน้มที่ลดลง ในทางกลับกันเศษวัสดุของอ้อยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจจะเกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการใช้พลังงานจากพืชมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนเชื้อเพลิงปิโตรเลียม จึงทำให้พื้นที่การเพาะปลูกข้าวลดลงและเปลี่ยนไปเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยเพื่อผลิตและกลั่นเป็นเอทานอลที่นำมาผสมกับน้ำมันปิโตรเลียมเพื่อผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์มากขึ้น (Kumar, Feng, Sun, & Bandaru, 2022) รวมทั้งนโยบายของรัฐที่สนับสนุนการเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกข้าวไปปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นแทน ซึ่งรวมถึงอ้อยด้วย กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีการทำไร่อ้อยเป็นวงกว้าง และมีโรงงานน้ำตาลขนาดใหญ่ถึง 8 แห่งจาก 20 แห่งทั่วภาคกลาง และจาก 56 แห่งทั่วประเทศ ในด้านสถิติการปลูกอ้อยปี 2563 กาญจนบุรีมีพื้นที่ในการปลูกอ้อยทั้งสิ้น 753,424 ไร่ นับเป็นอันดับสามในประเทศ หรือมีพื้นที่ผลิตอ้อยมากกว่าพื้นที่ในการผลิตโดยรวมในภาคตะวันตกซึ่งมีการปลูกอ้อยทั่วทั้งภูมิภาค จำนวน 659,249 ไร่ กาญจนบุรีจึงถูกนับเป็นแหล่งผลิตน้ำตาลขนาดใหญ่ของประเทศ (ณิชภัทร์ กิจเจริญ, 2563) ปัญหาการเกิดฝุ่นควันในจังหวัดกาญจนบุรีเกิดขึ้นจากสองส่วนหลักๆ คือ ได้แก่ ส่วนแรก คือควันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยเฉพาะไฟป่าในฤดูหนาวและฤดูแล้ง ซึ่งเอื้อให้เกิดสภาพดังกล่าว มักจะเกิดขึ้นในพื้นที่นอกตัวเมืองตั้งแต่อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งอำเภอสังขละบุรี ส่วนที่สองคือ เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งสาเหตุนี้ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 มากกว่าควันจากธรรมชาติ และปฏิเสธไม่ได้ว่า ฝุ่นควันและเขม่าส่วนใหญ่ในจังหวัดกาญจนบุรีเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมน้ำตาลและการปลูกอ้อย ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลเชื่อมโยงต่อการเผาอ้อย ได้แก่ รถตัดอ้อย แรงงานรับจ้างตัดอ้อย และโรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อย ซึ่งมาตรการของภาครัฐที่ออกมายังมีไม่มีประสิทธิผลมากพอที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เคยปฏิบัติเป็นประจำ โดยกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่มีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยน้อยกว่า 20 ไร่ ถือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้การบังคับใช้มาตรการจากภาครัฐอาจจะยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร เนื่องด้วยพื้นที่เพาะปลูกอ้อยที่มีขนาดเล็กทำให้รถตัดอ้อยซึ่งมีต้นทุนที่ถูกที่สุดต่อหน่วยพื้นที่การปลูกอ้อยไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ การจ้างรถตัดอ้อยด้วยเกษตรกรรายย่อยเพียงไม่กี่รายมักถูกปฏิเสธจากรถตัดเพราะได้ค่าตัดไม่คุ้ม นอกจากนี้เกษตรกรรายย่อยมักมีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดี ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ต้องเร่งรีบตัดและขายอ้อยให้กับโรงงานเพื่อให้ทันการปิดหีบ ประเด็นเรื่องอ้อยไฟไหม้มีความซับซ้อน มีผู้เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก อีกทั้งเกษตรกรที่ทำไร่อ้อยก็มีความแตกต่างกัน ทั้งกลุ่มที่ทำไร่ขนาดใหญ่มีทุนสูง หรือเกษตรรายย่อยทำในพื้นที่ขนาดเล็กที่ไม่มีเครื่องมือหรือเงินทุนน้อย ซึ่งมีโอกาสและข้อจำกัดไม่เหมือนกัน จึงมักจะสังเกตได้ว่า แม้จะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมามากมาย แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ดังนั้น การศึกษานี้ จึงมีเป้าหมายที่จะอธิบายกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีบทบาทตลอดห่วงโซ่ของการปลูกอ้อยอย่างเป็นระบบ รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานในแต่ละระดับที่มีส่วนดูแลป้องกันและแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ ว่าแต่ละส่วนมีบทบาทอย่างไร มาตรการใดที่ได้ผล และไม่ได้ผล ทั้งนี้ก็เพื่อนำไปสู่การค้นหาแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นที่ซึ่งถูกพัฒนาโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการลดการเผาลง โดยการวิเคราะห์ปัญหาและความเชื่อมโยงของเหตุและผลที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบของการเผาอ้อยในจังหวัดกาญจนบุรีจะถูกวิเคราะห์และนำเสนอผ่านเครื่องมือ “วงรอบเหตุและผล” (causal loop diagram)
จำนวนทั้งหมด 281 รายการ