มหาวิทยาลัยมีนโยบายการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงนโยบายการจัดการของเสียอันตราย การนำมาตรฐานความปลอดภัยในการวิจัยของห้องปฏิบัติการไปใช้โดยใช้ความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัย วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม
มหาวิทยาลัยมีนโยบายการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงนโยบายการจัดการของเสียอันตราย การนำมาตรฐานความปลอดภัยในการวิจัยของห้องปฏิบัติการไปใช้โดยใช้ความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัย วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อม
มหาวิทยาลัยมหิดลมีการจัดการของเสียที่เป็นอันตรายสอดคล้องกับนโยบายภาพใหญ่ของมหาวิทยาลัย ตามประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง นโยบายด้านการจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการ พ.ศ. 2565 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. มหาวิทยาลัยจะควบคุมดูแลการใช้สารเคมี วัสดุกัมมันตรังสี และวัตถุชีวภาพ ในการทำงานให้เป็นไปอย่างเหมาะสม คุ้มค่า และปลอดภัย พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะลดการผลิตของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการออกสู่สิ่งแวดล้อม
2. ผู้บริหารส่วนงานและหัวหน้าส่วนงานต้องให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริหารจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการของส่วนงานและหน่วยงานให้สอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องตามนโยบายของมหาวิทยาลัย
3. มหาวิทยาลัยจะสนับสนุนให้ทุกส่วนงานที่มีการปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี วัสดุกัมมันตรังสี และวัตถุชีวภาพ คัดแยกของเสียอันตรายออกจากของเสียทั่วไป เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการของเสียอันตรายอย่างมีประสิทธิภาพ
4. มหาวิทยาลัยจะสร้างและพัฒนาระบบบริหารจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการในรูปแบบกลางของมหาวิทยาลัย และให้ส่วนงานที่มีการปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี วัสดุกัมมันตรังสี และวัตถุชีวภาพ ใช้ในการรวบรวมข้อมูลของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการเพื่อบริหารจัดการให้สอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนด
5. ผู้บริหารส่วนงานและหัวหน้าหน่วยงานต้องให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริหารจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการของส่วนงานและหน่วยงานให้สอดคล้องตามนโยบายมหาวิทยาลัย
6. ส่วนงานที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมี วัสดุกัมมันตรังสี และวัตถุชีวภาพ ต้องมีคณะทำงานหรือผู้รับผิดชอบบริหารจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการ ทำหน้าที่กำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการตามนโยบายที่มหาวิทยาลัยกำหนด
ซึ่งทุกส่วนงานในมหาวิทยาลัยต้องมีคณะทำงานที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการของเสียอันตราย มีการบันทึกและระบบการจัดการของเสียอันตราย และมีการทำเป็นข้อตกลง (Performance Agreement) กับทุกส่วนงานในแต่ละปี และมีการกำหนดเป็นประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2564
ด้านการดำเนินการ (Operations)
จากนโยบายดังกล่าวได้มีการถ่ายทอดลงสู่ ศูนย์บริหารความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าร่วม “โครงการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการวิจัยในประเทศไทย (ESPReL)” ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้นักวิจัยเกิดความตระหนักเรื่องความปลอดภัย การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการของเสียที่เป็นอันตรายในห้องปฏิบัติการ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกระดับที่เอื้อให้เกิดการพัฒนางานด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิจัยอย่างต่อเนื่อง มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน มหาวิทยาลัยมหิดล ในการกำหนดนโยบายและกำกับติดตาม รวมทั้งมีการมีคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้าผู้ตรวจประเมินและผู้ตรวจประเมินห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ESPReL และมีการตั้งคณะกรรมการในแต่ละส่วนงาน รวมทั้งมีการกำหนดเป็น Performance Agreement กับทุกหัวหน้าส่วนงาน มีการกำหนด Checklist ในการประเมินและจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเสียที่เป็นอันตราย มีการกำกับติดตาม ส่งผลให้ห้องปฏิบัติการที่ใช้สารเคมีของมหาวิทยาลัยมหิดลสามารถผ่านการประเมินเพิ่มขึ้นทุกปี
กราฟอธิบายการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี โดยที่เส้นกราฟสีส้ม แสดงถึงห้องปฏิบัติการที่ได้การรับรองสะสมตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน โดยมีเริ่มต้นที่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่ 3 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ที่ 17 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่ 50 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่ 170 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ 291 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่ 397 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ 460 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ 489 ห้องปฏิบัติการ และปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ 496 ห้องปฏิบัติการ และโดยที่กราฟสีน้ำเงิน แสดงถึงห้องปฏิบัติการที่ได้การรับรองรายปีในแต่ละปีงบประมาณ พ.ศ. โดยเริ่มต้นที่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่ 3 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ที่ 14 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่ 33 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่ 120 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ 121 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่ 106 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่ 63 ห้องปฏิบัติการ, ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ 29 ห้องปฏิบัติการ และปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ 7 ห้องปฏิบัติการ จากกราฟ (เส้นสีส้ม) แสดงให้เห็นว่าห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีได้รับการรับรองสะสมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2568 ที่ 496 จาก 605 ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี (ร้อยละ 81.98) และจากกราฟ (เส้นสีน้ำเงิน) ห้องปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่ได้การรับรองรายปีมีแนวโน้มสูงขึ้นแบบไต่ระดับ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2564 จากนั้น มีการลดระดับลง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565-2568 เนื่องจากว่า ตั้งแต่ปีปีงบประมาณ พ.ศ. 2558-2564 มีห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีได้รับการรับรองสะสมไปแล้วรวม 291 จาก 605 ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี (ร้อยละ 48.10) ซึ่งห้องปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่ยังไม่ได้การรับรองที่เหลืออาจยังไม่พร้อมในการขอยื่นรับรอง จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมและทยอยขอรับรองต่อไป
มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิจัยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เพื่อสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยและบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนางานวิจัย ในปี 2563 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ผลักดันระบบตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการรูปแบบ Peer Evaluation เป็นเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยระดับประเทศ เพื่อเชื่อมโยงกับการขอรับทุนวิจัยและข้อตกลงการปฏิบัติงานระหว่างมหาวิทยาลัยกับส่วนงาน โดยกำหนดให้ห้องปฏิบัติการวิจัยและห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีต้องพัฒนาให้สอดคล้องตามเกณฑ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการต้องผ่านการตรวจประเมินและได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการปลอดภัยในรูปแบบ Peer Evaluation โดยคณะผู้ตรวจประเมินที่ขึ้นทะเบียนจาก วช. ศูนย์บริหารความปลอดภัยฯ จึงจัดทำ โครงการยกระดับความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการสู่มาตรฐาน Peer Evaluation เพื่อสนับสนุนให้ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยได้รับการตรวจประเมินและรับรองตามมาตรฐานที่กำหนด ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ส่งเสริมผลงานวิจัยคุณภาพ ตลอดจนปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืนแก่อาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษา ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดลได้การรับรองการตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation ทั้งสิ้น 92 ห้องปฏิบัติการ
กราฟอธิบายห้องปฏิบัติการต้องผ่านการตรวจประเมินและได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการปลอดภัยในรูปแบบ Peer Evaluation โดยในปี 2566 มีห้องปฏิบัติได้รับการรับรองทั้งสิ้น 13 ห้อง ในปี 2567 มีห้องปฏิบัติได้รับการรับรองทั้งสิ้น 76 ห้อง ได้รับการรับรองสะสมทั้งสิ้น 89 ห้อง และในปี 2568 มีห้องปฏิบัติได้รับการรับรองทั้งสิ้น 3 ห้อง ได้รับการรับรองสะสมทั้งสิ้น 92 ห้อง
และเพื่อให้การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยดำเนินต่อเนื่องตามเป้าหมาย 3 ระดับของศูนย์บริหารความปลอดภัยฯ ได้แก่ 1) มาตรฐาน ESPREL 2) การรับรอง Peer Evaluation และ 3) การรับรองมาตรฐาน มอก.2677/2558 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดของกระทรวง อว. ศูนย์บริหารความปลอดภัยฯ จึงส่งเสริมการจัดการด้านความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี ให้เป็นห้องปฏิบัติการต้นแบบและเป็นพี่เลี้ยงในการขับเคลื่อนการยกระดับมาตรฐานในส่วนงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน โดยมหาวิทยาลัยมหิดลได้การรับรองระบบการจัดการความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสารเคมี (TIS/มอก. 2677 -1) จำนวนทั้งสิ้น 3 ห้องปฏิบัติการ และสรุปภาพรวมของการดำเนินการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัย ดังนี้
กราฟอธิบายการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยดำเนินต่อเนื่องตามเป้าหมาย 3 ระดับของศูนย์บริหารความปลอดภัยฯ ได้แก่ 1) มาตรฐาน ESPREL 2) การรับรอง Peer Evaluation และ 3) การรับรองมาตรฐาน มอก.2677/2558 โดยมีเป้าหมายในการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยห้องปฏิบัติการที่ 602 ห้องปฏิบัติการ จาก 20 ส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยมหิดล และมีผลการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ดังนี้ ห้องปฏิบัติกาารที่ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการวิจัยในประเทศไทย (ESPReL) ทั้งสิ้น 496 ห้อง ห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองการตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation ทั้งสิ้น 92 ห้อง และห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน มอก.2677/2588 ทั้งสิ้น 3 ห้อง
จากประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2564 โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 4.3 (กำหนดให้บุคลากรและนักศึกษาที่ทำงานในห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี สารกัมมันตรังสี วัตถุชีวภาพ และความเสี่ยงอื่น ๆ จะต้องผ่านการฝึกอบรมตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากส่วนงานต้นสังกัด) ส่งผลให้มีการนำนโยบายสู่แนวทางปฏิบัติ โดยมีการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้กับผู้เกี่ยวข้อง โดยจำแนกลงแต่ละด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางปฏิบัติในการจัดการของเสียที่เป็นอันตราย และหลักสูตรผู้ตรวจประเมิน ทั้งนี้มีการอบรมอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีจำนวนห้องปฏิบัติการที่ใช้สารเคมีผ่านการรับรองเพิ่มขึ้นทุกปี ได้แก่ หลักสูตรอบรมมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี และหลักสูตรเรียนรู้้และทดสอบด้านความปลอดภัยในการใช้ห้องปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยมหิดล (MU LaBPass) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หลักสูตรอบรมมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี
เนื้อหาหลักสูตรอบรม
1) นโยบายการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัย ห้องปฏิบัติการในระดับประเทศ
2) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ความสำเร็จในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
3) กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านความ ปลอดภัยในการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ และมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการวิจัยในประเทศไทย ตามองค์ประกอบความปลอดภัยทั้ง 7 ด้าน
- การบริหารระบบการจัดการความปลอดภัย
- ระบบการจัดการสารเคมี
- ระบบการจัดการของเสีย
- ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ
- ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย การวิเคราะห์และการประเมินความเสี่ยง
- การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
- การจัดการข้อมูลและเอกสาร
จำนวนผู้เข้ารับการอบรม
กราฟจำนวนผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรอบรมมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี โดยในปี 2563 มีผูู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 219 คน ปี 2564 มีผูู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 902 คน (ดำเนินการในรูปแบบออนไลน์ จึงมีจำนวนผู้เข้ารับการอบรมจำนวนมาก) ปี 2566 มีผูู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 206 คน และในปี 2568 มีผูู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 107 คน
หลักสูตรเรียนรู้้และทดสอบด้านความปลอดภัยในการใช้ห้องปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยมหิดล (MU LaBPass)
มหาวิทยาลัยมหิดลจัดทำหลักสูตรอบรมและทดสอบความรู้ด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ผ่านระบบ MUx (E-learning) ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น การใช้เครื่องมืออย่างปลอดภัย การป้องกันอันตราย และการปฏิบัติตนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น
กลุ่มเป้าหมายหลัก
นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1–2 ที่เรียนรายวิชาปฏิบัติการในสาขาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา จุลชีววิทยา และกายวิภาคศาสตร์ รวมถึงผู้สนใจทั่วไป
ข้อกำหนด
ต้องเรียนรู้และสอบผ่านภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดภาคเรียน
ต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 80% จึงจะได้รับอนุญาตเข้าใช้ห้องปฏิบัติการ
บทเรียนทั้ง 9 หัวข้อ
กฎความปลอดภัยทั่วไป
อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
MSDS, ฉลากสารเคมี และความเข้ากันได้ของสาร
ความปลอดภัยในการใช้แก้วและเครื่องมือ
การดับเพลิง
ความปลอดภัยด้านไฟฟ้าและแสง
ความปลอดภัยทางชีวภาพ
การจัดการของเสีย
การรับมือเหตุฉุกเฉิน
กราฟแสดงจำนวนผู้ลงทะเบียนและผู้สอบผ่าน ดังนี้
กราฟอธิบายให้เห็นข้อมูลของผู้ลงทะเบียนเรียนรู้และทดสอบด้านความปลอดภัยในการใช้ห้องปฏิบัติการ (MULabPass) โดยในปี 2563 มีผู้ลงทะเบียนและผ่านการทดสอบ จำนวน 1973 จาก 1993 คน ปี 2564 จำนวน 1804 จาก 1903 คน ปี 2565 จำนวน 1806 จาก 1826 คน ปี 2566 จำนวน 1653 จาก 1708 คน และปี 2567 จำนวน 2455 จาก 2496 คน ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินการปี 2568 อยู่ระหว่างการรับสมัครลงทะเบียนและทำแบบทดสอบ
มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าร่วมผลักดันนโยบายด้านการจัดการความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิจัย จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในระดับประเทศ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 โดยมหาวิทยาลัยได้เข้าร่วมโครงการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการวิจัยในประเทศไทย (ESPReL) ร่วมกับมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้นักวิจัยเกิดความตระหนักเรื่องความปลอดภัย การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ การจัดการของเสียที่เป็นอันตรายในห้องปฏิบัติการอย่างถูกสุขลักษณะ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกระดับที่เอื้อให้เกิดการพัฒนางานด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการวิจัยอย่างต่อเนื่อง
และมหาวิทยาลัยมหิดล โดยศูนย์บริหารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (COSHEM) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อดำเนินโครงการ ตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ:
(1) พัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบงานของหน่วยบริหารจัดการความตกลงร่วม (MRA) ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในระดับประเทศ
(2) ขยายผลการตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation โดยไม่ใช้งบประมาณจาก วช.
(3) ส่งเสริมให้เกิดกลไกการพัฒนามาตรฐานห้องปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ และเกิดการยอมรับร่วมกันระหว่างห้องปฏิบัติการ
(4) ยกระดับความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการในมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ ให้มีความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนทั่วประเทศ
ทั้งนี้ COSHEM ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยบริหารจัดการ MRA รับผิดชอบการดำเนินงานตรวจประเมินในรูปแบบ Peer Evaluation ให้สอดคล้องกับนโยบายของ วช. และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ โดยมีรายละเอียดการดำเนินการตรวจประเมินโดยผู้ตรวจประเมินที่ขึ้นทะเบียนจาก วช. ทั้งสิ้น 33 คน ผลดำเนินการตรวจประเมินห้องปฏิบัติการทั้งสิ้น 86 ห้องปฏิบัติการ จาก 6 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สงขลานครินทร์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย 22 ห้องปฏิบัติการได้รับการตรวจประเมินโดยผู้ตรวจประเมินจากศูนย์บริหารความปลอดภัยฯ มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยมหิดลได้การรับรองการตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการในรูปแบบ Peer Evaluation สะสมทั้งสิ้น 92 ห้องปฏิบัติการ ตามรายละเอียดที่แสดงอยู่ในด้านการดำเนินการ (Operations)
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
คณะทันตแพทยศาสตร์
คณะเทคนิคการแพทย์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
คณะเภสัชศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน
คณะสัตวแพทยศาสตร์
คณะสาธารณสุขศาสตร์
คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ
วิทยาลัยนานาชาติ
วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฟ้า
วิทยาเขตกาญจนบุรี
โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
โครงการจัดตั้งวิทยาเขตอำนาจเจริญ
สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล
สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้
สถาบันโภชนาการ
สถาบันวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์และตรวจสารในการกีฬา