ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาผ่านการเสริมสร้างศักยภาพ การเสริมสร้างอำนาจ และการเผยแพร่ความรู้ในหมู่นักวิชาการ
นักวิชาการ และนักศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โครงการสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล มีประสบการณ์ยาวนานกว่าทศวรรษในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในงานด้านสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่น สถาบันฯ จึงเน้นการทำงานเสริมสร้างศักยภาพให้แก่นักวิชาการ นักวิจัย และนักศึกษาในภูมิภาค รวมทั้งจัดการสัมมนาสาธารณะในประเทศที่มีความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน สันติภาพ และประชาธิปไตยเพื่อสร้างความรู้ในเรื่องดังกล่าวให้กับภาคส่วนต่างๆ
ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันฯ เป็นประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน - สิทธิมนุษยชนศึกษา (AUN-HRE) และสำนักงานเลขานุการโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการวิจัยด้านสิทธิมนุษยชนและสันติภาพและการศึกษาในอาเซียน/เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Strengthening Human Rights and Peace Research and Education in ASEAN/SEA Programme หรือ โครงการ SHAPE SEA) โดยในปี 2565 ภายใต้โครงการ AUN-HRE สถาบันฯได้จัดประชุมและอบรมระดับภูมิภาคในหัวข้อ Human Rights and Emerging Technologies ให้กับเครือข่าย นอกจากนั้นยังจัดพิมพ์เอกสารและหนังสือด้านสิทธิมนุษยชนและสันติภาพโดยเน้นบริบทของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดทำตำราสิทธิมนุษยชนเล่มที่ 5 ในหัวข้อ Human Rights, Environment and Climate Change
นอกจากนั้น หลังการรัฐประหารในพม่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 สถาบันฯได้เริ่มโครงการเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชน สันติภาพและประชาธิปไตยในประเทศเมียนมาร์ เพื่อเสริมสร้างความรู้และความสามารถของนักวิชาการอิสระและสถาบันการศึกษาอิสระในเมียนมาร์เกี่ยวกับการสอนและการวิจัยสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ โดยจัดทำหลักสูตรสิทธิมนุษยชนออนไลน์ 3 หลักสูตรและสนับสนุนการวิจัยให้กับนักวิชาการอิสระชาวเมียนมาร์ 35 คน งานวิจัยส่วนหนึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือ “Voices from Myanmar during Crisis” และบทความวิจัยจำนวนหนึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างๆ
โครงการยังได้มอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน 20 ทุนให้แก่นักศึกษาจากประเทศเมียนมาร์เพื่อศึกษาในหลักสูตรปริญญาโทสาขาสิทธิมนุษยชน และปริญญาโทสาขาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ของสถาบันสิทธิมนุษยชนฯ โครงการนี้จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์