Community and Social Engagement for Sustainability

มหาวิทยาลัยมหิดลได้ขยายผลนโยบาย Net Zero จากภายในสู่สังคม โดยเปลี่ยนบทบาทเป็น "ผู้นำทางวิชาการ" ในการสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย Nationally Determined Contribution (NDC) ของประเทศไทย

รากฐานของงานอนุรักษ์มาจากความเชี่ยวชาญด้าน พหุวัฒนธรรม พหุภาษา และ นวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อต่อสู้กับวิกฤตความหลากหลายทางวัฒนธรรม

มหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะสถาบันแห่ง "ปัญญาของแผ่นดิน" และสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก เปิดโอกาสให้สาธารณชนเข้าถึงอาคาร อนุสาวรีย์ และภูมิทัศน์ธรรมชาติที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมในบางพื้นที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

การพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กปฐมวัย เพื่อสังคมที่เข้มแข็ง มั่นคงและยั่งยืน

-

เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ 2568 สโมสรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วมจัดกิจกรรม "มหิดลร่วมใจ สานสายใย นำน้ำใจสู่ชุมชน" ครั้งที่ 12 ณ ชุมชนด่านทับตะโก และโรงเรียนด่านทับตะโกราษฎร์อุปถัมภ์ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ร่วมกับ สโมสรนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สโมสรนักศึกษาคณะทันตแพทยศาสตร์ สโมสรนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ สโมสรนักศึกษาคณะกายภาพบำบัด สโมสรนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์ ในโอกาสนี้ ผู้บริหารคณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภญ.ธนิกา ปฐมวิชัยวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภญ.เจนนิษฐ์ มีนวัฒนา รองคณบดีฝ่ายหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) นำทีมคณาจารย์ ศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์เก่า เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

โครงการจากใจสู่ใจ ระยะที่ 4 คุณค่า ความสุข และพลังภายในที่แท้จริง เพื่อชีวิตหลังกำแพง โดยศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับเรือนจำกลางขอนแก่น

การปรับวิถีการเกษตรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การทำนาเปียกสลับแห้ง การทำปุ๋ยจากวัชพืชน้ำบึงบอระเพ็ด การปรับตัวต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิตของนักเรียนผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บนระบบออนไลน์ (Moodle LMS) ควบคู่กับการเฝ้าระวังสุขภาพจิตและการเสริมสร้างศักยภาพของครูผู้ดูแลด้านจิตใจประจำโรงเรียนในการเฝ้าระวังและส่งต่อนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพจิตใจ

ในปัจจุบัน ระบบสุขภาพโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระโรคซ้ำซ้อน ซึ่งประกอบด้วยโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ และการบาดเจ็บหรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ภาระเหล่านี้เพิ่มความรุนแรงของสถานการณ์ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง การจัดการกับปัญหาภาระโรคซ้ำซ้อนจำเป็นต้องใช้แนวทางที่สร้างสรรค์ ยั่งยืน และครอบคลุมมากกว่าการดูแลสุขภาพในรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายด้านสุขภาพระดับโลก โรคติดต่อยังคงเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและการเสียชีวิต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัด ขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อ ซึ่งเกิดจากประชากรสูงอายุ การเติบโตของเมือง และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ก็เพิ่มภาระให้กับระบบสุขภาพ ยิ่งไปกว่านั้น การบาดเจ็บ เช่น อุบัติเหตุบนท้องถนน อันตรายในสถานที่ทำงาน และภัยธรรมชาติ รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ล้วนทำให้วิกฤตสุขภาพมีความซ้ำซ้อนยิ่งขึ้น ปัญหาที่เชื่อมโยงกันเหล่านี้จึงต้องการการตอบสนองที่ประสานจากหลายภาคส่วนในการดูแลและจัดการภาระโรค พยาบาลในฐานะกำลังสำคัญของระบบสุขภาพโลกมีบทบาทสำคัญในการนำการเปลี่ยนแปลงเพื่อการจัดการภาระโรคซ้ำซ้อน พยาบาลมีบทบาทสำคัญในการให้บริการด้านสุขภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การป้องกัน การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพและการดูแลแบบประคับประคอง โดยเน้นการดูแลสุขภาพที่ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (Patient-Centered Care: PCC) ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นการตัดสินใจทางคลินิกที่เคารพและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยอย่างเท่าเทียม

การติดตามประเมินนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ พัฒนาต่อยอดการให้บริการระบบสาธารณสุขของไทย

นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีถ่ายทอดไปสู่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ และพึ่งพาตัวเองได้