การประยุกต์ใช้ Google Earth Engine เพื่องานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

detail

แพลตฟอร์มที่นำมาประยุกต์ใช้ในงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยให้การตัดสินใจในการทำงานเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความสำคัญ วัตถุประสงค์โครงการ

Google Earth Engine เป็นแพลตฟอร์มที่รวมภาพถ่ายดาวเทียมและชุดข้อมูลเชิงพื้นที่ในรูปแบบแคตตาล็อกที่มีขนาดหลายเพตะไบต์กับความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลครอบคลุมทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์นักวิจัยและนักพัฒนาใช้ Earth Engine เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสร้างแผนที่แนวโน้มและวัดความแตกต่างบนพื้นผิวโลกตอนนี้ Earth Engine ยังคงฟรีสำหรับการใช้ทางวิชาการและการวิจัยอย่างไรก็ตามก็มีการให้บริการสำหรับการใช้เชิงพาณิชย์แล้ว   

Google Earth Engine ยังเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นโดย Google เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และการจัดการข้อมูลภูมิศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเวลาจริงหรือออนไลน์ ซึ่งมีการใช้งานและประยุกต์ใช้ในหลายงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน: สามารถใช้ Google Earth Engine เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่ใช้เพาะปลูกหรือใช้ที่ดินในระยะเวลาที่หลากหลาย โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมที่มีความละเอียดสูง เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงและวางแผนการจัดการที่ดินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การจัดการทรัพยากรน้ำ Google Earth Engine ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งน้ำและการใช้น้ำ โดยรวมถึงการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในระดับน้ำและการสร้างแผนการจัดการทรัพยากรน้ำที่เป็นเชิงระบบ การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่มีความเป็นสิ่งแวดล้อม เช่น การครอบครองป่า, การเผาไหม้ป่า, การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและการครอบครองทรัพยากรทางทะเล การวิเคราะห์และคาดการณ์สภาพอากาศยังสามารถใช้ Google Earth Engine เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอากาศและสภาพภูมิอากาศในระยะเวลาที่ต่าง ๆ เพื่อการวางแผนและการจัดการกับสภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศต่าง ๆ และการควบคุมและการจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ Google Earth Engine ช่วยในการคาดการณ์และวิเคราะห์การเกิดภัยธรรมชาติ เช่น การนับจำนวนแผ่นดินไหว, การเตรียมการจัดการน้ำท่วมและการจัดการเครื่องมือการป้องกันภัยธรรมชาติได้อีกด้วย

      การประยุกต์ใช้ Google Earth Engine ในงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติได้เป็นอย่างมาก การใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมและเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีให้ใน Google Earth Engine ช่วยให้การตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยข้อมูลที่มีความสมบูรณ์และเป็นเวลาจริง คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญถึงการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้ Google Earth Engine มาประยุกต์ใช้กับการทำงานด้านการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำโครงการอบรมนี้ขึ้นมาเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสายงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีความรู้ ความสามารถและทักษะด้านเทคโนโลยีต่อการปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยี การทำงานในยุคดิจิทัลในปัจจุบันและอนาคต  

การดำเนินการ

การฝึกอบรม

การบรรยาย และปฏิบัติ

  • ข้อมูลมหัต และ Google Earth Engine (GEE)
  • พื้นฐานการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา JavaScript
  • การเลือกและแสดงข้อมูลจาก GEE Catalog
  • พื้นฐานการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา JavaScript
  • การเลือกและแสดงข้อมูลจาก GEE Catalog
  • การป้อนข้อมูล การนำเข้า/ส่งออกข้อมูลและชุดคำสั่ง
  • การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นและขั้นสูง
  • พื้นฐานการสร้างเว็บแอปพลิเคชั่น
  • ซอฟแวร์ที่ใช้       Web Application Google Earth Engine

ผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงานการจัดอบรมการประยุกต์ใช้ Google Earth Engine ในงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2567 มีผู้เข้าอบรม จำนวน 42 คน ผลการประเมินความพึงพอใจมีคะแนนร้อยละความพึงพอใจที่ 91.76​

การนำไปใช้ประโยชน์

สิ่งที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับ

1. เข้าใจขั้นตอนพื้นฐานของการใช้งาน Google Earth Engine ได้

2. สามารถประยุกต์ใช้งานGoogle Earth Engine เพื่องานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. สามารถใช้โปรแกรมจัดการวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. บุคลากรจากหน่วยงานรัฐเอกชนหรือประชาชนที่สนใจมีความรู้และทักษะการประยุกต์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ระดับพื้นฐานกับงานด้านต่างๆได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมรวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการตัดสินใจ (Actionable Intelligence Policy: AIP) เป็นไปอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิผล

โดยผลการประเมินโครงการที่ผ่านมาร้อยละของการนำไปใช้ประโยชน์เท่ากับ 85.29 

ผลงานตีพิมพ์

-

ความแตกต่าง หรือมีเอกลักษณ์ที่ต่างจากโครงการอื่น

การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการที่เน้นให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหานำกลับไปประยุกต์ใช้ในงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้หลากหลายงาน

ผลกระทบในระดับชุมชน ประเทศ ระดับโลก

      นำไปประยุกต์แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ท้องถิ่นได้ เช่น การประเมินผลกระทบของการรั่วไหลน้ำมัน จากภาพถ่ายดาวเทียม ฯลฯ ในระดับชุมชน บุคลากรที่ได้อบรมหลักสูตรนี้ มีศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลและมีความรู้ความสามารถช่วยให้การตัดสินใจในการทำงานเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีในระดับประเทศและระดับโลก

 

Partners/Stakeholders

คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการหลัก
อาจารย์ ดร.พิสุทธิ นาคหมื่นไวย
ส่วนงานหลัก