ความสำคัญและที่มาของปัญหา
สืบเนื่องจากดำเนินการโครงการควบคุมยาสูบโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ดำเนินการโดยภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล โดยการประยุกต์ใช้แนวคิดส่งเสริมสุขภาพตามกฎบัตรออตตาวาที่ดำเนินการในทุกระดับ ทั้งบุคคล ระหว่างบุคคล องค์กร/ระบบบริการ ชุมชน และนโยบาย/มาตรการชุมชน รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการสูบบุหรี่ ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. มาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อขยายประเด็นให้ครอบคลุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่มีผลต่อโรคเรื้อรัง คือ 3อ 2ส (ออกกำลังกาย อาหาร อารมณ์ บุหรี่และสุรา) ทั้งนี้เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อการป้องกันและควบคุมโรคซึ่งจะเกิดผลกระทบต่อบุคคล ครัวเรือน ชุมชนและระบบสุขภาพ ในการลดภาระโลกและเกิดความยั่งยืนในการดูแลสุขภาพ จึงได้เสนอแบบจำลองของการป้องกันควบคุมโรคเรื้อรังในพื้นที่นำร่อง
วัตถุประสงค์
- เพื่อพัฒนาศักยภาพพื้นที่ดำเนินการให้มีขีดความสามารถในการบริหารจัดการเชิงผลลัพธ์เป็นกลไกขับเคลื่อนชุมชนในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน
- เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในชุมชน มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องตามหลัก 2 อ (อาหารและออกกำลังกาย) โดยใช้กระบวนการชุมชนมีส่วนร่วม
- ลดอุบัติการณ์ใหม่ของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเก่า
ระยะเวลาดำเนินโครงการ : วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ถึง วันที่ 30 เมษายน 2567
การดำเนินการ
- กิจกรรมที่ 1 จัดตั้งคณะทำงานโครงการและการประชุมคณะทำงาน
- กิจกรรมที่ 2 สำรวจข้อมูลชุมชน
- กิจกรรมที่ 3 จัดเวทีประชาคมคืนข้อมูล และร่วมกำหนดข้อตกลง เพื่อป้องกัน/ควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
- กิจกรรมที่ 4 จัดอบรมให้ความรู้และการรับสมัครกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเข้าร่วมโครงการ
- กิจกรรมที่ 5 ดำเนินการจัดสภาพแวดล้อมในชุมชนให้เอื้อต่อการปรับพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเป้าหมาย
- กิจกรรมที่ 6 คณะทำงานจัดกิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยกระบวนการกลุ่ม ให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
- กิจกรรมที่ 7 การติดตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเป้าหมาย
- กิจกรรมที่ 8 เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสรุปผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินการ
แผนดำเนินโครงการ เพื่อป้องกันและควบคุมโรคเรื้อรังโดยใช้ชุมชนเป็นฐานและกระบวนการทำงานตามแนวทางสร้างเสริมสุขภาพเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมสุขภาพตามแผนกำหนดให้แต่ละพื้นที่ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉลี่ย 100 คน (กลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วยและผู้สูงอายุ) โดยกำหนดตัวขี้วัดที่ต้องบรรลุดังนี้
- แกนนำสาธารณสุข (รพ.สต.) มีสมรรถนะในการเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ชุมชน/แกนนำชุมชนในการดำเนินการให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ
- ชุมชนมีความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนโครงการ
- ประชาชนรับรู้และตระหนักมากขึ้นต่อปัญหาของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
- เกิดข้อตกลงของชุมชนในการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังจากการประชาคมอย่างมีส่วนร่วม
- ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมาย และครอบครัวมีความรู้ในการจัดการพฤติกรรมเสี่ยงและสภาพแวดล้อมเสี่ยงที่ถูกต้องตามหลัก 2อ (อาหาร และออกกำลังกาย) และ 1-2ส (สุราและยาสูบ)
- ควบคุมตัวบ่งชี้สุขภาพ เช่น ความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด ไขมัน ให้ลดลงหรืออยู่ในระดับที่ไม่เสี่ยง/อันตรายต่อสุขภาพ
ประโยชน์ร่วมกันแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
- กลุ่มเสี่ยงได้รับความรู้และทักษะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
- กลุ่มป่วยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้นนำไปสู่การพิการและเสียชีวิต
- ระบบบริการสุขภาพ (เจ้าหน้าที่และระบบบริการ) ได้เข้าร่วมเรียนรู้การทำงานเชิงรุกการเสริมพลังชุมชนในการวิเคราะห์ปัญหาสาเหตุ การวางแผนและการติดตามประเมินผลซึ่งความเข้มแข็งของชุมชนจะทำให้ระบบบริการสุขภาพมีภาระลดลง
- แกนนำ/อสม. ได้รับการพัฒนาศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสุขภาพของชุมชนโดยใช้แนวคิดชุมชนเป็นฐาน(เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน) ได้รับการอบรมพัฒนาทักษะต่าง ๆ การจัดทำแผน การออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับบริบท การสื่อสาร การติดตามกำกับ การประเมินผล และการถอดบทเรียน
ผลกระทบในระดับชุมชน/ประเทศ
1. ด้านสังคม
- ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ได้เรียนรู้การดูแลรักษาตัวเองเป็นการเรียนรู้ที่เป็นทุนในการเรียนรู้ระยะยาวในการส่งเสริมสุขภาพตนเอง
- แกนนำมีความเข้มแข็งได้รับการพัฒนาศักยภาพ
- แกนนำมีส่วนร่วมในการพัฒนาและจัดการชุมชนของตนเองที่นำไปสู่การพึ่งตนเองได้
- การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เกิดการดำเนินการร่วมกัน
- ความสงบสุขในชุมชน โดยเฉพาะจากการลดละเลิกสุรา ทำให้มีการทะเลาะเบาะแว้ง การทำร้ายร่างกายและอุบัติเหตุลดลง
2. ด้านเศรษฐกิจ
- ลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งระดับบคุลล ครอบครัว และระบบบริการสุขภาพ
3. ด้านสภาพแวดล้อม
- มีการจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีให้แก่ประชาชนทุกวัย เช่น การปรับปรุงร้านค้าเพื่อสุขภาพการมีสถานที่และกิจกรรมออกกำลังกาย มีการส่งเสริมเมนูอาหารท้องถิ่น
4. ด้านสุขภาพ
- ป้องกันควบคุมการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังซึ่งเป็นภาระในระยะยาว เช่น ลดผู้ป่วยติดเตียงซึ่งเชื่อมโยงถึงลดภาระทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยแผนงานต่อไปที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน
แผนงานต่อไปที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน
ในตัวแผนงานมีกิจกรรมที่ 8 เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสรุปผลการดำเนินงาน ซึ่งจะให้
1. คณะทำงานรวบรวมข้อมูลและร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ตามเป้าหมายของโครงการ
2. การคืนข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในต่างๆ ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการดำเนินงาน
3. การสรุปบทเรียนการดำเนินงาน ทั้งในส่วนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะ
4. การส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับทราบเพื่อขับเคลื่อนงานต่อไป เช่น รพ.สต. อบต. เป็นต้น
กิจกรรมนี้ชุมชนเรียนรู้ที่จะเชื่อมต่อกับหน่วยงานท้องถิ่น (อบต./เทศบาล) เพื่อของบประมาณดำเนินการจากกองทุนหลักประกันสุขภาพเพื่อดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อต่อไป และด้วยกระบวนการทั้งหมดชุมชนได้รับการพัฒนาที่สามารถจะพัฒนาโครงการเพื่อเขียนของบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานจากแหล่งทุนต่างๆ ได้ (โดยเฉพาะ สสส. ที่ชุมชนมีประสบการณ์แล้ว) โครงการได้สร้างทุนทางสังคมให้เกิดขึ้นในชุมชนทั้งบุคลากรสาธารณสุขและแกนนำที่จะสามารถนำแนวทางการดำเนินโครงการนี้ไปใช้ต่อไป
นอกจากนี้ โมเดลการพัฒนาสุขภาพนี้ (ป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน) จะได้ใช้ทั้งเพื่อการสรุปเป็นโมเดลถ่ายทอดสู่การเรียนการสอน และเสนอในระดับนโยบายต่อไป