การส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียน คล้ายกับเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก แต่จากข้อมูลเชิงสถานการณ์ด้านการมีกิจกรรมทางกายของเด็กและเยาวชนไทยได้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรค (Obstacles) และภัยคุกคาม (Threats) ต่าง ๆ ที่เข้ามามีผลทำให้เด็กและเยาวชนไทยไม่สามารถมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอต่อการส่งเสริมพัฒนาการได้ ด้วยเหตุนี้การดำเนิน การส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียนให้เป็นไปได้ตามเป้าหมายสูงสุด คือ “เด็กนักเรียนทุกคนได้รับโอกาสและมีกิจกรรมทางกายอย่างมีคุณภาพและเพียงพอ” จึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือการจัดการเชิงระบบเข้ามาช่วยหนุนเสริมการออกแบบและวางแผนนโยบาย และกิจกรรม อันจะช่วยให้โรงเรียนสามารถบูรณาการกิจกรรมส่งเสริมกิจกรรมทางกายเข้ากับกิจกรรมเชิงนโยบายและการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่เป็นการเพิ่มภาระงานให้กับโรงเรียน และครูผู้ปฏิบัติหน้าที่
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมมือกัน ทดสอบประสิทธิผลของโมเดลต้นแบบสำหรับการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียนที่มี ความหลากหลายเชิงบริบท กระทั่งได้มาซึ่ง “แนวคิดการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเชิงระบบแบบ 4PC”
องค์ประกอบสำหรับการดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียนด้วยแนวคิดการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเชิงระบบแบบ 4PC มี 5 องค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
- นโยบายส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกายในทุกโอกาส (Active Policy)
- บุคลากรที่มีความกระฉับกระเฉงตื่นรู้ (Active People)
- แผนกิจกรรมฉลาดเล่น (Active Program)
- พื้นที่ส่งเสริมการเล่น (Active Place)
- ห้องเรียนฉลาดรู้ (Active Classroom)
กิจกรรมทางกาย (Physical activity) ที่เพียงพอและสม่ำเสมอ ถือเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็กให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์โดยการมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงหนักสะสมให้ได้อย่างน้อยเฉลี่ยวันละ 60 นาที สำหรับเด็กนั้นมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับระบบหัวใจและปอดที่แข็งแรงขึ้น รวมถึงสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ สถานะของระบบหัวใจและหลอดเลือด และสุขภาพของกระดูก การมีกิจกรรมทางกายเป็นประจำยังช่วยให้้ความจำดีขึ้น รวมถึงความสามารถในการคิดเชิงบริหาร การแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ และการตัดสินใจ นอกจากนี้การมีีกิจกรรมทางกายยังช่วยลดอาการซึมเศร้า และส่งเสริมให้้เด็กและเยาวชนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น เพราะการมีกิจกรรมทางกายจะช่วยให้้เกิดการหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) สารโดพามีนี (Dopamine) และสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin)ออกมาซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้้เกิดความสุข
ในปี 2561 ต้นแบบการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกายนักเรียนภายใต้แนวคิดการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเชิงระบบแบบ 4PC ได้ถูกนำไปเผยแพร่ให้เป็นกรณีตัวอย่างในเอกสาร School Physical Activity Promotion Guide and Assessment Tool ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียนขององค์การอนามัยโลก
โครงการโรงเรียนฉลาดเล่น (Active School Thailand)
“โรงเรียนฉลาดเล่น” (Active School) หรือโรงเรียนส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เด็ก ๆ จะได้มีความสุขกับการเรียนรู้ผ่านทางการเล่น การมีกิจกรรมทางกาย การเคลื่อนไหวร่างกาย ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ในรูปแบบ Active Learning ซึ่งภายในโรงเรียนฉลาดเล่นนี้ เด็ก ๆ จะมีพัฒนาการที่สมวัย มีความสุข และความผูกพันกับโรงเรียนมากยิ่งขึ้น
เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียน เป็นโครงการวิจัยภายใต้ความร่วมมือระหว่างศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพื้นฐาน (สพฐ.) และโรงเรียนต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 17 โรงเรียน โดยเป้าหมายหลักคือ การพัฒนาต้นแบบการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายในโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับบริบท ของสังคมไทย โดยรูปแบบโครงการเป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi-experimental study with Intervention and Control group) ที่แบ่งโรงเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
- โรงเรียนที่เข้าร่วม กิจกรรมโครงการโรงเรียนฉลาดเล่นที่ดำเนินกิจกรรมตามแนวคิดการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเชิงระบบแบบ 4PC
- โรงเรียนทั่วไปที่ไม่มีการส่งเสริมกิจกรรมใด ๆ
โครงการดังกล่าวนี้ ใช้ระยะเวลาดำเนินโครงการทั้งสิ้น 3 ปี (พ.ศ. 2560 – 2562) เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและพัฒนาการของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างคนเดิมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึง 6 จำนวนนักเรียนกลุ่มตัวอย่างประมาณ 346 คน มีข้อค้นพบ ที่น่าสนใจโดยสรุป ดังนี้
- นักเรียนมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น
- นักเรียนมีความสุขมากกว่า
- นักเรียนมีสมาธิและเข้าใจในการเรียนมากกว่า
- นักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงของทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับพัฒนาการตามช่วงวัยที่ควรมี
- นักเรียนมีพัฒนาการดีขึ้นในทุกด้าน (ร่างกาย อารมณ์/สังคม การสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ วิชาการ) โดยเฉพาะด้านร่างกาย วิชาการ และการคิดวิเคราะห์ โดยเปรียบเทียกับพัฒนาการที่นักเรียนควรมีตามช่วงวัย
- นักเรียนใช้หน้าจอเพื่อความบันเทิงน้อยกว่า
ปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ “โรงเรียนฉลาดเล่น: Active School” 20 โรงเรียน จากทั่วทุกภาคในประเทศไทย มีคณุแกนนำ 180 ท่าน และ นักเรียนกว่า 4,800 คน
ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการดำเนินงานโรงเรียนส่งเสริมกิจกรรมทางกายในประเทศไทย
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนไทยให้มีสมรรถนะหลักตรงตามเป้าประสงค์และมีโอกาสได้ “เล่น – เรียน - รู้” มีความสุข สนุกสนาน ไปพร้อม ๆ กับการเรียนรู้และมีประสบการณ์ตรงเพื่อพัฒนาการที่เหมาะสมตามช่วงวัยอย่างรอบด้าน
องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำว่าเด็กจำเป็นต้องมีเวลาสำหรับการมีกิจกรรมทางกายมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรวัยอื่น ๆ โดยในทุก ๆ วันของสัปดาห์ เด็กและวัยรุ่นควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงระดับหนักเฉลี่ยอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน โดยกิจกรรมทางกายที่ทำส่วนใหญ่ควรเป็นกิจกรรมแบบแอโรบิก
จากสถานการณ์ความจำเป็นในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชนไทย ประกอบกับข้อค้นพบจากโมเดลนวัตกรรมสำหรับการดำเนินงานส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียน โดยมีแนวทางการดำเนินนโยบายดังต่อไปนี้
- สื่อสารประชาสัมพันธ์และส่งเสริมเชิงนโยบายให้เกิดการนำแนวคิดการส่งเสริมกิจกรรมทางกายเชิงระบบแบบ 4PC ไปใช้ในโรงเรียนทั่วประเทศ โดยในช่วงเริมต้นอาจพิจารณาจากความพร้อมและความสมัครใจของโรงเรียน โดยใช้กลไกการทำงานที่มีอยู่ในระดับพื้นที่ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา (สพป.) หรือสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เป็นหน่วยการจัดการระดับพื้นที่
- สนับสนุนให้ผู้บริหารสถานศึกษาและครูในโรงเรียนทั่วประเทศได้รับการพัฒนาศักยภาพและฝึกปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับแนวคิดการดำเนินงานการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียน อันจะนำไปสู่การปรับประยุกต์ใช้เพื่อการส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนตามเป้าประสงค์ของ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สนับสนุนและพิจารณารับรองหลักสูตรการอบรมเกี่ยวกับแนวคิดการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในโรงเรียนให้เป็นหนึ่งในหลักสูตรของสถาบันคุรุพัฒนา เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษาและครูได้มีโอกาสและช่องทางสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพอย่างเหมาะสม
การสนับสนุนกิจกรรมทางกายของเด็กและเยาวชนไทย เป็นการร่วมทำงานกันของเครือข่ายทางวิชาการและนโยบายทั้งในระดับชาติและนานาชาติ โดยมีภาคีเครือข่ายดังนี้
ระดับชาติ
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (Thailand Physical Activity Knowledge Development Centre : TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
- ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- โครงการวิจัยด้านกิจกรรมทางกายในเด็กและเยาวชน (Children and Youth Physical Activity Studies: CYPAS) วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
- กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
- Healthy Space Forum ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะ
ระดับนานาชาติ
- World Health Organization
- Japan Sport Association
- Active Healthy Kids Global Alliance
- SUNRISE