มหาวิทยาลัยมหิดลกับการมีส่วนร่วมในการหนุนเสริมกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้

detail

กระบวนการในการเปิดพื้นที่กลางโดยใช้เครื่องมือการสานเสวนา และการประสานความร่วมมือโดยเฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/นักการเมืองจาก 5 พรรคการเมือง มานั่งแลกเปลี่ยนและพูดคุยในประเด็นจังหวัดชายแดนใต้ที่ทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นวาระร่วมของพื้นที่ ทำให้เห็นถึงกลไกที่จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนหากประเด็นการทำงานและกระบวนการที่ชัดเจน โปร่งใส  และหวังผลที่เกิดขึ้นในมุมบวกสำหรับการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ผ่านรัฐสภา กลไกของกฎหมายและการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม

การดำเนินกิจกรรมที่สืบเนื่องและความต่อเนื่องของโครงการที่ดำเนินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางโครงการจัดตั้งสถาบันฯ ได้จัดสานเสวนาระหว่างนักการเมือง การให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพให้กับองค์กรภาคประชาสังคม ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมา ได้มีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร โดยที่เครือข่ายภาคประชาสังคมมีข้อเสนอที่ยื่นกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องบ้างแล้ว แต่ไม่เคยมีการประสานความร่วมมือกับนักการเมือง ทั้งนี้ กระบวนการผลักดันในกลไกรัฐสภาก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะสามารถเป็นช่องทาง Platform ในการผลักดันและเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง เพราะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มิอาจแก้ไขปัญหาโดยแยกส่วน

ดังนั้น เมื่อการเลือกตั้งเสร็จและทราบผลการเลือกตั้ง โครงการจัดตั้งสถาบันฯ ในฐานะหน่วยทำหน้าที่อำนวยการและประสานงาน ได้เชิญกลุ่มเป้าหมายนักการเมืองและองค์กรภาคประชาสังคมร่วมกันรวบรวมและสังเคราะห์ข้อเสนอทั้งหมด ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงสันติภาพร่วมกันในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 แต่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด เพราะจะต้องมีกลไกการทำงานและการติดตาม ต่อมาในเดือนมกราคม 2563 ส.ส.ในพื้นที่ได้มีการเสนอญัตติเพื่อแต่งตั้งกรรมาธิการศึกษากระบวนการูดคุยสันติภาพ แต่ญัตติดังกล่าวอยู่ในลำดับท้ายและรัฐสภาไม่ได้มีการประชุมเพราะสถานการณ์โควิดที่ระบาด เมื่อสถานการณ์โควิดเริ่มคลายผู้รับผิดชอบโครงการนี้ของโครงการจัดตั้งสถาบันฯ ร่วมด้วยเครือข่ายภาคประชาสังคมได้ลงพื้นที่พบปะกับ ส.ส.ทุกพรรคเพื่อติดตามและหารือในการผลักดันประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ ได้มีข้อสรุปว่า หากจะให้ญัตติที่เสนอไว้ถูกบรรจุในวาระในลำดับต้น ๆ นั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือตัวแทนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปที่รัฐสภาเข้าพบกับประธานรัฐสภา ประธานวิปรัฐบาลและประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อให้เลื่อนญัตตินี้ให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งแถลงข่าวร่วมกันกับ ส.ส.จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากกระบวนการเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ก็จะสามารถมีกรรมาธิการชุดหนึ่งเพื่อศึกษาและตรวจสอบ ถ่วงดุลกระบวนการทำงานของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขและกระบวนการพูดคุยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ กระบวนการพูดคุยจะมีความยั่งยืนและมีหลักประกันในความต่อเนื่องในแสวงหาทางออกของปัญหาโดยหลักสันติวิธี

 

โครงการการศึกษานโยบายสันติภาพชายแดนใต้ของภาคประชาสังคมและนักการเมือง ได้เก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มเป้าหมายภาคประชาสังคมและนักการเมืองระหว่างปี 2565 - 2566 พบว่า มีประเด็นเร่งด่วนที่ควรดำเนินการก่อน 4 ประการ ได้แก่

  • กระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน 
  • กระบวนการพูดคุยสันติสุข
  • การสื่อสารกับสังคม 
  • การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ 

ทั้งนี้ จากการสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายชายแดนใต้ สะท้อนให้เห็นว่า ภาคประชาสังคมชายแดนใต้และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ต่างมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง และพยายามทำงานภายใต้พันธกิจขององค์กรของตนเองอย่างเห็นได้ชัด ข้อเสนอในทุกมิติของแต่ละองค์กรมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันจำนวนมาก แต่ละองค์กรพยายามยกชูประเด็นของตนเองให้เด่นชัด และแสดงถึงความเป็นเจ้าของในข้อเสนอเชิงนโยบายว่าเป็นนโยบายที่ควรให้ความสำคัญ ลักษณะคล้ายคลึงกันนั้นปรากฏมาตั้งแต่การก่อตัวระลอกใหม่ของความรุนแรงตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 ที่คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ได้ทำกรอบการแก้ไขปัญหาไว้ และภาคประชาสังคมต่างก็มีข้อเสนอของตนเอง 

 

จากการทำงานที่มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โครงการศึกษานโยบายสันติภาพชายแดนใต้ของภาคประชาสังคมและนักการเมือง ได้นำผลการศึกษาแมาวิเคราะห์และสามารถจัดทำเป็นข้อเสนอ 3 ประการ ได้แก่

1. บทบาทของภาคประชาสังคมและนักการเมือง

1.1 บทบาทภาคประชาสังคม ได้แก่ การรับฟังเสียงประชาชน การจัดทำและผลักดันข้อเสนอ การให้ความรู้ การประสานงานระดับพื้นที่ และการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

1.2 บทบาทนักการเมือง ได้แก่ เป็นเสียงตัวแทนประชาชน ทำตามนโยบายของพรรค การให้ความรู้ การแก้ไขเชิงประเด็น

2. ข้อเสนอเชิงนโยบาย จากการสอบถามกลุ่มเป้าหมายภาคประชาสังคมและนักการเมืองระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 พบว่า มีประเด็นเร่งด่วนที่ควรดาเนินการ 4 ประการ ได้แก่ กระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กระบวนการพูดคุยสันติสุข การสื่อสารกับสังคม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่

3. แนวทางการทงานร่วมกันระหว่างภาคประชาสังคมและนักการเมือง การทำงานร่วมกันระหว่างภาคประชาสังคมกับนักการเมืองนั้นยังไม่เห็นรูปธรรมที่มีกลไกความร่วมมืออย่างชัดเจน ภาคประชาสังคมมักจะใช้ช่องทางความเป็นปัจเจกมากกว่าองค์กร และการสร้างร่วมมือในบางประเด็น อย่างไรก็ตาม พอจะมีแนวทางการทางานร่วมกันได้ 

ซึ่งมีการนำข้อเสนอทั้ง 3 ประการ ดังกล่าว ไปนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาสันติภาพชายแดนใต้ปาตานี ครั้งที่ 4 : ตลาดนัดสันติภาพ พื้นที่กลางใหม่ (Pa(t)tani Peace Assembly 2023 : Peace Market Place) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งจัดขึ้นที่คณะวิทยาการอิสลาม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี 

 

 

Partners/Stakeholders

องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และพรรคการเมือง

ผู้ดำเนินการหลัก
นายฆอซาลี อาแว
ส่วนงานหลัก
ผู้ดำเนินการร่วม
สภาประชาสังคมจังหวัดชายแดนใต้