มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) ตาม 17 เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : 17 SDGs) โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 6 ว่าด้วยการจัดการน้ำและสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนด้วยการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การบำบัด การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) การอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยจึงได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า และการจัดการน้ำเสียเพื่อให้ได้คุณภาพน้ำทิ้งตามมาตรฐานที่สอดคล้องตามกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด พ.ศ. 2567 ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าข่ายอาคารประเภท ก. ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มหาวิทยาลัยจึงให้บุคลากรและนักศึกษา ร่วมดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องโดยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า จึงได้กำหนดประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง นโยบายการบริหารจัดการน้ำมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2568 ดังนี้
ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง นโยบายการบริหารจัดการน้ำมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2568
............................................
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีกำหนดกลยุทธ์ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า ลดการใช้พลังงานในการผลิตน้ำประปา และจัดการน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันมลภาวะทางน้ำและลดภาวะโลกร้อนที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องให้บุคลากรดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ และปฏิบัติให้สอดคล้องตามกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (1) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2550อธิการบดีจึงกำหนดนโยบายไว้ดังนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล ดังต่อไปนี้
(1) ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง มาตรการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2563
(2) ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง นโยบายการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายจากแหล่งน้ำ พ.ศ. 2564
ข้อ 2 ในประกาศนี้
“ส่วนงาน” หมายความว่า สำนักงานสภามหาวิทยาลัย สำนักงานอธิการบดี วิทยาเขต คณะ และส่วนงานที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
“นักศึกษา” หมายความว่า นักศึกษาของมหาวิทยาลัย ระดับอนุปริญญาและปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา และให้หมายความรวมถึง นักเรียนที่สังกัดวิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่จัดการเรียนการสอนเพื่อเตรียมเข้าศึกษาระดับอุดมศึกษา และนักเรียนของโรงเรียนสาธิตนานาชาติ ในสังกัดของมหาวิทยาลัยด้วย
“บุคลากร” หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัย ข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดมหาวิทยาลัย และให้หมายความรวมถึง อาจารย์พิเศษ และบุคคลอื่นใดซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานให้กับมหาวิทยาลัยด้วย
“อาคาร” หมายความว่า ไม่ว่าจะมีลักษณะเป็นอาคารหลังเดียว หรือเป็นกลุ่มของอาคารซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกัน และไม่ว่าจะมีท่อระบายน้ำท่อเดียว หรือมีหลายท่อที่เชื่อมติดต่อกันระหว่างอาคารหรือไม่ก็ตาม
“น้ำทิ้ง” หมายความว่า น้ำเสียที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียแล้วจนเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ โดยมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าข่ายอาคารประเภท ก. ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาของทางราชการที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันทุกชั้นอาคารหรือกลุ่มของอาคารตั้งแต่ ๒๕,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
ข้อ 3 มหาวิทยาลัยกำหนดให้มีนโยบายการบริหารจัดการน้ำมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) ตาม 17เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : 17 SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 6 ว่าด้วยการจัดการน้ำและสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการ ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การบำบัดและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) การอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนี้
3.1 กำหนดให้ส่วนงานมีการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการลดใช้น้ำประปา ดังนี้
(1) กำหนดเป้าหมายการประหยัดน้ำประปาในแต่ละปี และสื่อสารให้บุคลากรและนักศึกษาทุกคนเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี
(2) รณรงค์ ประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคลากรและนักศึกษาในการประหยัดน้ำ และมีการเผยแพร่นวัตกรรมการประหยัดน้ำ
(3) กำหนดให้ทุกหน่วยงานเลือกใช้อุปกรณ์ที่ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่เน้นการประหยัดหรือสินค้าที่มีนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์น้ำ เช่น หัวก๊อกน้ำแบบเซนเซอร์ ฝักบัว และโถปัสสาวะที่ประหยัดน้ำ เป็นต้น
(4) ตรวจสอบท่อน้ำประปา และมิเตอร์น้ำอยู่เป็นประจำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำจากท่อรั่วซึม เมื่อพบเห็นน้ำรั่ว ท่อแตกรั่ว ให้ดำเนินการซ่อมแซมทันทีโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้
(5) กำหนดมาตรการใช้น้ำตามความจำเป็น เพื่อเตรียมการรับมือในภาวะวิกฤติและภัยแล้ง โดยขอให้พิจารณาใช้น้ำเท่าที่จำเป็น
(6) การดูแลพื้นที่สีเขียว ต้องบริหารจัดการการรดน้ำต้นไม้อย่างเหมาะสม โดยให้เลือกใช้ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบน้ำหยด และให้รดน้ำในเวลาเช้าหรือเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
3.2 กำหนดให้ส่วนงานมีหน้าที่ในการจัดการและบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันมลภาวะทางน้ำ และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
(1) การระบายน้ำทิ้งจากอาคารของส่วนงานภายในมหาวิทยาลัย ต้องมีค่าเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งดังนี้
- ความเป็นกรดและด่าง (pH) มีค่าระหว่าง 5.5– 9.0
- บีโอดี (BOD) มีค่าไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อลิตร
- ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solids) ไม่เกิน 30 มิลลิกรัมต่อลิตร
- ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids) ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อลิตร
- ซัลไฟด์ (Sulfide) ไม่เกิน 1.0 มิลลิกรัมต่อลิตร
- ทีเคเอ็น (TKN) ไม่เกิน 35 มิลลิกรัมต่อลิตร
- น้ำมันและไขมัน (Fats Oil and Grease (FOG)) ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อลิตร
(2) ส่วนงานที่มีระบบการจัดการน้ำเสีย โดยถือปฏิบัติตามแนวทาง ดังต่อไปนี้ดำเนินการบำบัดน้ำเสีย และบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพวิเคราะห์คุณภาพน้ำระบบบำบัดน้ำเสียก่อน และหลังการบำบัดให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด พ.ศ. 2567 ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าข่ายอาคารประเภท ก. และส่งรายงานผลวิเคราะห์คุณภาพน้ำที่กองกายภาพและสิ่งแวดล้อมทุกเดือน
(3) ห้ามหน่วยงานปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำผิวดิน ภายในมหาวิทยาลัย หากมีการปล่อยน้ำเสียมหาวิทยาลัยมหิดลจะดำเนินการเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย ดังอัตราค่าบริการและปรับผู้ปล่อยมลพิษทางน้ำ
3.3 ส่งเสริมการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) และการป้องกันมลพิษ
(1) ส่งเสริมและกำหนดให้ส่วนงานมีการศึกษาความเป็นไปได้และนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดจนได้มาตรฐานกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Maximize Water Reuse) เพื่อทดแทนการใช้น้ำประปา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการรดน้ำต้นไม้ การทำความสะอาดพื้นที่ภายนอกอาคาร และการเติมน้ำในคูคลอง
(2) กำหนดให้ส่วนงาน ใช้น้ำจากคู คลอง ภายในมหาวิทยาลัย และ/หรือ น้ำบำบัดที่ได้มาตรฐาน เป็นแหล่งน้ำหลักในการดูแลพื้นที่สีเขียว
(3) ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช เพื่อไม่ให้สารเคมีไหลลงสู่ คู คลองภายในมหาวิทยาลัยมหิดล
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
............................................
มหาวิทยาลัยมหิดล สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรับผิดชอบ โดยครอบคลุมทั้งมิติของการวางแผนเชิงนโยบาย การดำเนินงานเชิงปฏิบัติการ และการสร้างความตระหนักรู้แก่บุคลากรและนักศึกษา ดังนี้
1.การกำหนดเป้าหมายและการสร้างความตระหนักรู้ (Policy & Outreach)
มหาวิทยาลัยได้กำหนดแนวทางเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมของบุคลากรและนักศึกษาอย่างจริงจัง:
- กำหนดเป้าหมายเชิงนโยบาย : โดยให้ส่วนงานกำหนดเป้าหมายการประหยัดน้ำประปาในแต่ละปี
- การสื่อสารและสร้างจิตสำนึก : มีการสื่อสารเป้าหมายดังกล่าวเพื่อให้บุคลากรและนักศึกษาทุกคนเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี พร้อมทั้ง รณรงค์ ประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึก และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ประหยัดน้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ

2. การดำเนินงานเชิงปฏิบัติการและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (Stewardship & Infrastructure)
- มหาวิทยาลัยเน้นการลงทุนในอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและการบำรุงรักษาเชิงรุก เพื่อลดการสูญเสียน้ำอย่างถาวร: การจัดซื้ออุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง: กำหนดให้ทุกหน่วยงานเลือกใช้อุปกรณ์ที่ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่เน้นการประหยัดหรือสินค้าที่มีนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์น้ำ ตัวอย่างอุปกรณ์: เช่น หัวก๊อกน้ำแบบเซนเซอร์, ฝักบัว และโถปัสสาวะที่ประหยัดน้ำ ปัจจุบันได้ดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์ในห้องน้ำ ได้แก่ ก๊อกน้ำ ก๊อกน้ำอ่างล้างมือ โถสุขภัณฑ์ และโถปัสสาวะ เป็นอุปกรณ์ประเภทประหยัดน้ำหรือใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูง
|
ปี
|
จำนวนอุปกรณ์ทั้งหมด
|
จำนวนอุปกรณ์ประหยัดน้ำ
|
สัดส่วนอุปกรณ์ประหยัดน้ำ (ร้อยละ)
|
|
ปี 2024
|
12,607
|
9,052
|
71.80
|
|
ปี 2025
|
13,664
|
10,518
|
76.98
|



- การลดน้ำสูญเสียจากท่อรั่วซึม (Non-Revenue Water): มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มีการใช้น้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาค โดยวางระบบท่อจ่ายน้ำประปาเป็นระบบท่อวงจร (Ring Loop Pipe System) ให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกส่วนงานภายในมหาวิทยาลัย เพื่อกระจายแรงดันและเพิ่มเสถียรภาพของแรงดันในระบบการจ่ายน้ำ และสามารถควบคุมการเปิด-ปิดน้ำในแต่ละพื้นที่ได้ ในกรณีที่บางพื้นที่ต้องดำเนินการบำรุงรักษาและซ่อมแซมโดยที่ยังสามารถจ่ายน้ำให้ส่วนงานในพื้นที่อื่นๆ ได้
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการติดตั้งมาตรวัดน้ำประปาดิจิตอล จำนวน 90 จุด ครอบคลุมทุกส่วนงานในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เพื่อใช้ในการติดตามและตรวจสอบข้อมูลปริมาณการใช้น้ำประปาผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นระบบติดตามที่มีแม่นยำ สามารถแจ้งเตือนหากมีการใช้ปริมาณน้ำที่ผิดปกติ พร้อมทั้งมีการบำรุงรักษาตรวจสอบท่อน้ำประปาและมิเตอร์น้ำอยู่เป็นประจำเพื่อลดการสูญเสียน้ำจากท่อรั่วซึม และกำหนดให้ดำเนินการ ซ่อมแซมทันที เมื่อพบเห็นน้ำรั่วหรือท่อแตกรั่วทำให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

จุดติดตั้งมาตรวัดน้ำประปาดิจิตอลภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

ระบบการตรวจสอบการใช้น้ำและการตรวจจับการรั่วไหลของน้ำ

ปริมาณการใช้น้ำประปารายปี ตั้งแต่ พ.ศ.2562-2567 (ลูกบาศก์เมตร)
3. การเตรียมพร้อมรับมือภาวะวิกฤตและการจัดการพื้นที่สีเขียว
นโยบายนี้ยังครอบคลุมการจัดการในภาวะฉุกเฉินและการบริหารจัดการน้ำเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน:
- มาตรการรับมือวิกฤต: กำหนด มาตรการใช้น้ำตามความจำเป็น เพื่อเตรียมการรับมือในภาวะวิกฤติและภัยแล้ง โดยขอให้พิจารณาใช้น้ำเท่าที่จำเป็น
- การจัดการน้ำในพื้นที่สีเขียว: การดูแลพื้นที่สีเขียว ต้องบริหารจัดการการรดน้ำต้นไม้อย่างเหมาะสม โดยให้เลือกใช้ ระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบน้ำหยด และกำหนดให้รดน้ำในเวลาเช้าหรือเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ การใช้น้ำคูคลองและน้ำรีไซเคิลในการรดน้ำเพื่อทดแทนการใช้ประปา
4. การจัดการและบำบัดน้ำเสียและป้องกันมลภาวะทางน้ำ
มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2523 ซึ่งมีจำนวนบุคลากร และนักศึกษา จำนวนน้อย จึงใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบบ่อผึ่ง ภายหลังบุคลากร และนักศึกษา เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และประกอบด้วยอาคารมากกว่า 80 อาคาร ได้แก่ อาคารเรียน หอพักนักศึกษา คอนโด โรงอาหาร มีบุคลากร และนักศึกษา มากกว่า 30,000 คน ทำให้ระบบบ่อผึ่งไม่สามารถรองรับน้ำเสียได้ จึงก่อให้เกิดน้ำเสียเป็นจำนวนมาก และน้ำเสียปนเปื้อนไหลลงแหล่งน้ำผิวดิน จึงมีการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Activated Sludge ขึ้นมาในปี พ.ศ.2555 โดยสามารถรองรับน้ำเสียได้ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน รวบรวมน้ำเสียจาก 17 หน่วยงาน

หน่วยงานอื่นๆ นอกเหนือจากนี้จะมีระบบบำบัดน้ำเสียของตนเองเนื่องจากเป็นอาคารก่อสร้างใหม่ จึงมีหน้าที่ในการจัดการและบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันมลภาวะทางน้ำ และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทางมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้มีการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดทุกเดือน โดยน้ำที่ผ่านระบบบำบัดต้องมีคุณภาพตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด (ประเภท ก.) ก่อนจะปล่อยลงสู่คูคลองภายนอกมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางน้ำของชุมชนโดยรอบ และมีรายงานคุณภาพน้ำทิ้งเป็นประจำทุกเดือน ที่เผยแพร่สู่สาธารณะผ่านเว็บไซต์กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงตรวจวัดคุณภาพน้ำผิวดิน เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการทิ้งน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัย
มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด พ.ศ. 2567
|
พารามิเตอร์
|
มาตรฐานกำหนด
|
|
ความเป็นกรดและด่าง (pH)
|
5.5 – 9.0
|
|
บีโอดี (BOD)
|
≤20 มก./ล.
|
|
ของแข็งแขวนลอยทั้งหมด (Total Suspended Solids)
|
≤30 มก./ล.
|
|
ของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (Total Dissolved Solids)
|
≤1,000 มก./ล.
|
|
ซัลไฟด์ (Sulfide)
|
≤1.0 มก./ล.
|
|
ทีเคเอ็น (TKN)
|
≤35 มก./ล.
|
|
น้ำมันและไขมัน (Fats Oil and Grease (FOG))
|
≤20 มก./ล.
|
ค่าตรวจวัด BOD คุณภาพน้ำทิ้งรายเดือน ปีงบประมาณ 2567

Note : รายละเอียดพารามิเตอร์อื่น สามารถดูรายละเอียดได้ที่ แสดงได้ตามลิ้งค์ https://op.mahidol.ac.th/pe/2018/3155
5.การส่งเสริมการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) และการป้องกันมลพิษ
มหาวิทยาลัยมหิดลตระหนักว่าการจัดการน้ำที่ยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การลดการใช้ แต่ต้องมุ่งเน้นที่การนำทรัพยากรกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Maximize Water Reuse) และดำเนินการเพื่อปกป้องแหล่งน้ำธรรมชาติภายในมหาวิทยาลัย
- การผลักดันนโยบายนำน้ำกลับมาใช้ใหม่สูงสุด (Maximising Water Reuse)
ส่งเสริมและกำหนดให้ส่วนงานมีการศึกษาความเป็นไปได้และนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดจนได้มาตรฐานกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Maximize Water Reuse) เพื่อทดแทนการใช้น้ำประปา โดยเน้นในกิจกรรมที่ไม่ต้องการคุณภาพน้ำสูง เช่น การรดน้ำต้นไม้ การทำความสะอาดพื้นที่ภายนอก เป็นต้นมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีระบบบำบัดน้ำเสียแบบ Activated Sludge ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยสามารถผลิตน้ำรีไซเคิลได้วันละประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตร และในปี พ.ศ. 2562 มีโครงการวางท่อระบบจ่ายน้ำรีไซเคิล โดยนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมาเติมไบโอคลอรีนในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจ่ายน้ำให้หน่วยงาน ได้แก่ ระบบบำบัดน้ำเสีย ลานจอดรถบัส คณะสัตวแพทยศาสตร์ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ โดยนำน้ำไปไช้รดน้ำตันไม้ ล้างเครื่องจักรอุปกรณ์ ล้างพื้นคอกม้า ล้างกรงสัตว์ และล้างรถบัส
ตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี การใช้น้ำรีไซเคิลส่งผลให้มหาวิทยาลัยประหยัดการใช้น้ำประปากว่า 57,735 ลูกบาศก์เมตร โดยสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการผลิตน้ำประปาจำนวน 31.23 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 6 การสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนและมีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน และ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12 การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ผ่านการลดของเสียโดยกระบวนการ Reuse และ Recycle และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 13 การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังที่กล่าวไปเบื้องต้นว่าช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการผลิตน้ำประปา


- การใช้แหล่งน้ำทางเลือกเพื่อดูแลพื้นที่สีเขียว มหาวิทยาลัยกำหนดให้มีการใช้น้ำประปาให้น้อยที่สุดในการดูแลพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ โดยส่งเสริมการให้ส่วนงาน ใช้แหล่งน้ำทางเลือกที่ยั่งยืน: ได้แก่ น้ำในคู คลอง และ/หรือ น้ำบำบัดที่ได้มาตรฐาน
- การป้องกันมลพิษทางน้ำ (Pollution Prevention) เพื่อรักษาคุณภาพของแหล่งน้ำผิวดิน (คูคลอง) ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ และใช้เป็นแหล่งน้ำทางเลือก มหาวิทยาลัยจึงมีมาตรการป้องกันมลพิษ ณ แหล่งกำเนิด โดยส่วนงานต้อง ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีเหล่านั้นไหลลงสู่ คู คลองภายในมหาวิทยาลัยมหิดล
ปริมาณน้ำรีไซเคิล มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562-2567

ปริมาณน้ำรีไซเคิลรายเดือน วิทยาเขตศาลายา ปีงบประมาณ 2567
