มหาวิทยาลัยมหิดลดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG 7) โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการออกแบบอาคารตามมาตรฐานการอนุรักษ์พลังงาน โดยกำหนด นโยบายการปรับปรุงหรือก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงาน พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสอดคล้องกับเป้าหมาย SDG 7 ดังนี้
มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) ตาม 17 เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : 17 SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 7 ว่าด้วยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และการส่งเสริมอาคารที่ออกแบบตามมาตรฐานด้านการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Standards) มหาวิทยาลัยจึงได้กำหนดนโยบายการปรับปรุงหรือก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงานเพื่อส่งเสริมและเป็นแนวทางให้ส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยมหิดลใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุด และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
กำหนดนโยบายการปรับปรุงหรือก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงานของมหาวิทยาลัยมหิดลไว้ดังนี้
ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง นโยบายการปรับปรุงก่อสร้างอาคารประหยัดพลังงาน พ.ศ. 2564
ข้อ 2 ส่งเสริมและกำกับดูแลการวางแผนและควบคุมการใช้พลังงานภายในอาคารอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านการประยุกต์ใช้ระบบบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด รวมถึงส่งเสริมการเลือกใช้พลังงานทดแทนในอาคาร เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell)
ข้อ 3 ส่งเสริมการออกแบบอาคาร ปรับปรุงหรือก่อสร้างอาคาร ที่ประหยัดพลังงาน เป็นอาคารคาร์บอนต่ำลดการใช้ทรัพยากร ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรอง เช่น ฉลากสัญลักษณ์ FSC ฉลาก Greenguard ฉลาก Carbon Reduction และสัญลักษณ์ Green Industryรวมถึงส่งเสริมการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีอยู่ในท้องถิ่นหรือวัสดุที่ผลิตในระยะใกล้ เพื่อช่วยลดการขนส่งและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ข้อ 4 ออกแบบอาคารโดยคำนึงถึงปัจจัยทางภูมิอากาศ บริบท และสภาพแวดล้อมของพื้นที่ เช่น การจัดวางผังอาคารให้สอดคล้องกับทิศทางลม ทิศทางแดด การระบายอากาศ การใช้แสงธรรมชาติ รวมถึงออกแบบเปลือกอาคาร (Facade) ให้สามารถป้องกันความร้อนจากแสงแดดโดยตรง
ข้อ 5 ออกแบบพื้นที่ว่างรอบอาคารเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานของอาคาร โดยจัดให้มีพื้นที่ซึมน้ำและพื้นที่ชะลอน้ำ (Water Retention Area) สงวนรักษาต้นไม้ใหญ่เดิมในพื้นที่เป็นอันดับแรกหรือการปลูกต้นไม้ใหญ่ เพื่อสร้างร่มเงาและช่วยลดความร้อน สนับสนุนการปลูกพืชพันธุ์ท้องถิ่นที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ส่งเสริมระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ
ข้อ 6 ส่งเสริมอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน การปฏิบัติตามกฎกระทรวงและกฎหมายว่าด้วย การออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และเกณฑ์การประเมินอาคารเขียวภาครัฐ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรืออาคารเขียว TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) สถาบันอาคารเขียวไทย
ข้อ 7 มหาวิทยาลัยจะดำเนินการติดตามความก้าวหน้ำในการดำเนินงานตามนโยบายนี้อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเพื่อสร้างการขับเคลื่อนนโยบาย นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
📋 แผนการขับเคลื่อนการอนุรักษ์พลังงานของมหาวิทยาลัยมหิดล (ในฐานะอาคารควบคุม)
มหาวิทยาลัยมหิดลขับเคลื่อนการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นระบบในฐานะ "อาคารควบคุม" ตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550) โดยใช้ ระบบการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน เป็นกลไกหลักในการลงทุนและมาตรการเชิงเทคนิค เพื่อยกระดับประสิทธิภาพอาคารเดิม

|
ลำดับ
|
ขั้นตอนการจัดการพลังงาน 8 ขั้นตอน (ตามกฎหมาย)
|
กลไกหลักในการดำเนินการ
|
การติดตามและทบทวน
|
|
1
|
แต่งตั้งคณะทำงานด้านการจัดการพลังงาน
|
แต่งตั้งโดย อธิการบดี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ระบุตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ และเผยแพร่คำสั่งให้ทราบทั่วกัน
|
-
|
|
2
|
ประเมินสถานภาพการจัดการพลังงานเบื้องต้น
|
พิจารณาจากข้อมูลด้านพลังงานที่ผ่านมา และใช้ตาราง Energy Management Matrix (EMM) เพื่อประเมินและจัดรูปแบบการจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับบริบทของมหาวิทยาลัย
|
-
|
|
3
|
กำหนดนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน
|
กำหนดและประกาศนโยบายที่สอดคล้องตามกฎกระทรวง อธิการบดีลงนามรับรอง และเผยแพร่ผ่านสื่อสารภายในมหาวิทยาลัย
|
-
|
|
4
|
การประเมินศักยภาพการอนุรักษ์พลังงาน
|
ดำเนินการ ตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงาน (Energy Audit) ของอาคารเดิมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาจุดสูญเสียพลังงานและกำหนดมาตรการทางเทคนิคที่เหมาะสม (แบ่ง 3 ระดับ: องค์กร, ผลิตภัณฑ์, เครื่องจักร/อุปกรณ์)
|
-
|
|
5
|
การกำหนดเป้าหมายและแผนการอนุรักษ์พลังงาน,
แผนการฝึกอบรมและกิจกรรมส่งเสริม
|
กำหนด เป้าหมายการลดการใช้พลังงานเป็นร้อยละ ของปีก่อนหน้า พร้อมระบุระยะเวลา การลงทุน และผลที่คาดหวัง
|
จัดทำแผนฝึกอบรมและกิจกรรมส่งเสริมให้ บุคลากรและนักศึกษา เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
|
|
6
|
การดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานและฅการตรวจสอบวิเคราะห์การปฏิบัติตามเป้าหมายและแผน
|
ผู้บริหารส่วนงาน ต้องควบคุมการดำเนินการตามแผนฯ อย่างต่อเนื่อง ผู้รับผิดชอบรายงานผล คณะทำงานตรวจสอบและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ทุก 3 เดือน และวิเคราะห์สาเหตุที่ไม่บรรลุแผน
|
จัดทำรายงานสรุปติดตามตามมาตรการอนุรักษ์พลังงาน
|
|
7
|
การตรวจติดตามและการประเมินการจัดการพลังงาน
|
ประชุมร่วมเพื่อประกาศแต่งตั้ง คณะผู้ตรวจประเมินการจัดการพลังงานภายใน (Internal Audit) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการดำเนินงานตามแผน
|
คณะผู้ตรวจฯ จัดทำรายงานผลการตรวจสอบ
|
|
8
|
การทบทวนและวิเคราะห์แก้ไขข้อบกพร่องของการจัดการพลังงาน
|
คณะทำงานสรุปผลและรายงานต่อ ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ให้ทราบ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง พร้อมแนวทางการแก้ไข/ปรับปรุงข้อบกพร่องโดยละเอียด
|
ผู้บริหารทบทวนและสั่งการแก้ไขข้อบกพร่องโดยเร็ว
|
หมายเหตุ: หลังดำเนินการครบ 8 ขั้นตอน อาคารควบคุม จะต้องให้ ผู้ตรวจสอบรับรองการจัดการพลังงาน เข้ามาตรวจสอบและออกรายงานรับรอง ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
2. 🛠️ มาตรการเชิงเทคนิคและการปฏิบัติการหลัก
มหาวิทยาลัยมหิดลใช้มาตรการเชิงเทคนิคเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบพลังงานหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อผ่านเกณฑ์มาตรฐานอาคารประหยัดพลังงาน (BEC) และสร้างความชัดเจนในการติดตามผล
|
ระบบหลัก
|
แผนการยกระดับ/มาตรการ
|
เป้าหมายที่คาดหวัง
|
|
ระบบปรับอากาศ (AC)
|
การเปลี่ยนอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง: มีแผนเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศเก่าเป็นรุ่นที่มีค่าประสิทธิภาพพลังงานสูง (ประหยัดไฟเบอร์ 5 ขั้นต่ำ) และติดตั้ง VFD (Variable Frequency Drive) ในระบบทำความเย็นส่วนกลาง (ถ้ามี)
|
ยกระดับ: ประสิทธิภาพการทำความเย็นของอาคารเดิมให้ผ่านเกณฑ์ BEC ส่วนที่ 3 (ระบบปรับอากาศ)
|
|
ระบบแสงสว่าง
|
โครงการเปลี่ยนหลอดไฟ: มีแผนดำเนินการเปลี่ยนไปใช้หลอด LED 100% ทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
|
ยกระดับ: ลดกำลังไฟฟ้าส่องสว่างติดตั้ง (LPD) ลงให้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน BEC ส่วนที่ 2
|
|
ระบบบริหารจัดการพลังงาน (EMS)
|
ขยายผล EMS และ Smart Monitoring: ขยายการติดตั้ง Smart Meter และ ระบบบริหารจัดการพลังงาน (EMS) เพื่อติดตาม เก็บข้อมูล และควบคุมการใช้พลังงานจริงในระดับรายอาคารอย่างละเอียด
|
สร้างความชัดเจน: ในการติดตามผลการประหยัดพลังงานและการควบคุมการใช้พลังงาน
|
|
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (PM)
|
แผนบำรุงรักษา: กำหนดให้มีการจัดทำ PM (Preventive Maintenance) ของทุกระบบในอาคารอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะระบบที่ใช้พลังงานสูง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์และระบบทั้งหมดทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามค่าที่ออกแบบไว้
|
รักษาประสิทธิภาพ: ลดการใช้พลังงานสูญเปล่า และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์
|
พลังงานหมุนเวียน
มหาวิทยาลัยมีแผนการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดที่ชัดเจนและมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม:
- สัดส่วนปัจจุบัน: ปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนต่อการใช้พลังงานรวมอยู่ที่ ร้อยละ 1.50
- กำลังการผลิต:
- ติดตั้งแล้ว: ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ติดตั้งแล้วรวม 18.73 เมกะวัตต์ (MW)
- ผลผลิต: สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ย 1,360,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ต่อเดือน
- การลด GHG: ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 660 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อเดือน
- แผนขยายผล: อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติม 1.66 MW ในปี 2568 และมีแผนขยายการติดตั้งอีก 2.85 MW ในพื้นที่วิทยาเขตพญาไทในอนาคต.
อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
มหาวิทยาลัยใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน อาทิ คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ หลอดไฟ เครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กระแสไฟฟ้าน้อย หรือมีประสิทธิภาพสูง โดยมีอุปกรณ์ประหยัดพลังงานร้อยละ 85.6

เกณฑ์มาตรฐาน BEC (Building Energy Code) สำหรับอาคารประเภทสถานศึกษาและสถานพยาบาล
อาคารของมหาวิทยาลัยต้องออกแบบให้มีค่าต่าง ๆ ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานของ BEC (Building Energy Code) ซึ่งบังคับใช้โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)



|
ระบบที่กำหนด
|
ตัวชี้วัด
|
เกณฑ์สูงสุด สำหรับสถานศึกษา
|
เกณฑ์สูงสุด สำหรับสถานพยาบาล
|
|
1. ระบบเปลือกอาคาร
|
ค่าการถ่ายเทความร้อนรวมของผนังด้านนอก (OTTV)
(วัตต์ต่อตารางเมตร: W/m2)
|
50
|
30
|
| |
ค่าการถ่ายเทความร้อนรวมของหลังคา (RTTV)
(วัตต์ต่อตารางเมตร: W/m2)
|
10
|
6
|
|
2. ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
|
ค่ากำลังไฟฟ้าส่องสว่างสูงสุด (LPD)
(วัตต์ต่อตารางเมตร: W/m2)
|
10
|
12
|


3. ระบบปรับอากาศ
ระบบปรับอากาศต่ละประเภทและขนาดต่าง ๆ ที่ติดตั้งเพื่อใช้สำหรับอาคารต้องมี ค่าประสิทธิภาพพลังงานตามเกณฑ์ BEC ปี พ.ศ. 2564
3.1 เครื่องปรับอากาศขนาดไม่เกิน 12,000 วัตต์
ต้องมีค่าประสิทธิภาพพลังงาน ตามฤดูกาล เป็นไปตามเกณฑ์ระดับประสิทธิภาพพลังงานเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 (ขั้นต่ำ) ที่เป็นปัจจุบันของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
3.2 เครื่องทำน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศแบบอัดไอ
อ้างอิงจากการทดสอบสภาวะมาตรฐานที่มีค่าอุณหภูมิน้ำออกจากระบบจ่ายน้ำเย็น 7.2 องศาเซลเซียส
และอุณหภูมิ น้ำออกจากระบบระบายความร้อน 32.2 องศาเซลเซียส ต้องมีค่ากำลังไฟฟ้าต่อตันความเย็น ไม่เกินค่า ดังต่อไปนี้
ตารางที่ 1 ประเภทของเครื่องทำน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศแบบอัดไอ

ส่วนประกอบอื่นของระบบปรับอากาศที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย ระบบระบายความร้อน ระบบจ่ายน้ำเย็น และระบบส่งลมเย็น ต้องมีค่ากำลังไฟฟ้าต่อตันความเย็นรวมกันไม่เกิน 0.5 กิโลวัตต์ต่อตันความเย็น
3.3 เครื่องทำน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศแบบดูดกลืน ให้ต้องมีค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำแล้วแต่กรณีไม่ต่ำกว่าค่า ดังต่อไปนี้
3.1 กำหนดภาวะพิกัดโดยระบุอุณหภูมิและอัตราการไหลของน้ำระบาย ความร้อนเข้าเครื่องควบแน่น ต้องมีค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะไม่ต่ำกว่าค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะ ขั้นต่ำ ดังต่อไปนี้
ตารางที่ 2 ค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำอัตราการไหลของน้ำเข้าเครื่องควบแน่น

3.2 กำหนดภาวะพิกัดโดยระบุอุณหภูมิน้ำระบายความร้อนเข้าและออกจากเครื่องควบแน่น ต้องมีค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะ ไม่ต่ำกว่าค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำ ดังต่อไปนี้
ตารางที่ 3 ค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำอุณหภูมิน้ำระบายความร้อนเข้าและออกจากเครื่อง ควบแน่น

ทั้งนี้ การคิดค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะจะคิดเฉพาะค่าความร้อนเท่านั้น โดยไม่รวม กำลังไฟฟ้าในระบบ
การคำนวณ ค่าประสิทธิภาพพลังงานตามฤดูกาล ค่ากำลังไฟฟ้าต่อตันความเย็น และค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำของระบบปรับอากาศที่ติดตั้งเพื่อใช้สำหรับอาคารให้คำนวณ ตามประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการคำนวณ และการรับรองผลการตรวจประเมินในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานแต่ละระบบ การใช้พลังงานโดยรวมของอาคาร และการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบต่าง ๆ ของอาคาร พ.ศ. 2564 โดยค่าประสิทธิภาพพลังงานของระบบปรับอากาศที่กำหนดไว้ไม่บังคับใช้กับระบบปรับอากาศที่ใช้ความร้อนจากพลังงาน แสงอาทิตย์ (Solar Thermal Air Conditioning)
4. อุปกรณ์ผลิตน้ำร้อน
ค่าประสิทธิภาพขั้นต่ำและค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำของอุปกรณ์ผลิตน้ำร้อนที่ติดตั้งเพื่อใช้สำหรับอาคาร สามารถอ่านได้จากบทความ อุปกรณ์ผลิตน้ำร้อนอาคารประหยัดพลังงาน ตามเกณฑ์ BEC ปี พ.ศ. 2564
4.1 หม้อไอน้ำและหม้อต้มน้ำร้อน (Steam Boiler and Hot Water Boiler) ต้องมีค่าประสิทธิภาพ ไม่ต่ำกว่าค่าประสิทธิภาพขั้นต่ำ ดังต่อไปนี้
ตารางที่ 1 ค่าประสิทธิภาพหม้อไอน้ำและหม้อต้มน้ำร้อน

4.2 เครื่องทำน้ำร้อนชนิดฮีตปั๊มแบบอากาศสู่อากาศ (Air -Source Heat Pump Water Heater) ต้องมีค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะ ไม่ต่ำกว่าค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำ ดังต่อไปนี้
ตารางที่ 2 ค่าประสิทธิภาพหม้อไอน้ำและหม้อต้มน้ำร้อน

ค่าประสิทธิภาพขั้นต่ำ และค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะขั้นต่ำของอุปกรณ์ผลิตน้ำร้อน คำนวณตามประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการคำนวณ และการรับรอง ผลการตรวจประเมินในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานแต่ละระบบ การใช้พลังงานโดยรวมของอาคารและการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบต่าง ๆ ของอาคาร พ.ศ. 2564
5. การใช้พลังงานโดยรวมของอาคาร
กรณีที่ประสิทธิภาพของอุปกรณ์หรือระบบใดระบบหนึ่งหรือมากกว่าของอาคาร ที่พิจารณาไม่ผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพของระบบที่กำหนด อาคารดังกล่าวสามารถนำเข้าสู่ การพิจารณาประเมินตามเกณฑ์การพิจารณาการใช้พลังงานโดยรวมของทั้งอาคารได้ โดยคำนวณ ค่าการใช้พลังงานโดยรวมของอาคารดังกล่าวในรอบ 1 ปี นำมาเปรียบเทียบกับค่าการใช้พลังงานโดยรวมในรอบ 1 ปี ของอาคารอ้างอิง อาคารจะผ่านเกณฑ์การใช้พลังงานโดยรวมได้ก็ต่อเมื่อ ค่าการใช้พลังงานโดยรวมของอาคารนั้นทั้งปีต่ำกว่าค่าการใช้พลังงานโดยรวมทั้งปีของอาคารอ้างอิง ซึ่งมีพื้นที่การใช้งานทิศทาง และพื้นที่ของเปลือกอาคารแต่ละด้านเป็นเช่นเดียวกับอาคาร ที่จะก่อสร้างหรือดัดแปลง และอาคารอ้างอิง ต้องมีค่าระบบเปลือกอาคาร ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และระบบปรับอากาศเป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละระบบ โดยใช้วิธีคำนวณตามคำนวณตาม ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการคำนวณ และการรับรองผลการตรวจประเมินในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานแต่ละระบบ การใช้พลังงานโดยรวมของอาคาร และการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบต่าง ๆ ของอาคาร พ.ศ. 2564
5.1 การใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้สำหรับอาคาร ให้ยกเว้นการนับรวมการใช้ ไฟฟ้าบางส่วนในอาคาร ในกรณีที่ระบบไฟฟ้าแสงสว่างของอาคารที่มีการออกแบบเพื่อใช้แสงธรรมชาติเพื่อการส่องสว่างภายในอาคาร ในพื้นที่ตามแนวเปลือกอาคาร ให้ถือเสมือนว่าไม่มี การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างในพื้นที่ตามแนวเปลือกอาคารนั้น โดยการออกแบบดังกล่าว ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
5.1.1 ต้องแสดงอย่างชัดเจนว่า มีการออกแบบสวิตช์ที่สามารถเปิดและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างที่ใช้กับพื้นที่ตามแนวเปลือกอาคาร
โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างต้อง มีระยะห่างจากเปลือกอาคารไม่เกิน 1.5 เท่าของความสูงของหน้าต่างในพื้นที่นั้น โดยนับจากพื้นถึงขอบบนของวงกบหน้าต่าง
5.1.2 กระจกหน้าต่างตามแนวเปลือกอาคารตาม (ข้อ 1.1) ต้องมีค่าประสิทธิผลของสัมประสิทธิ์การบังแดด (Effective Shading Coefficient) ไม่น้อยกว่า 0.3
และอัตราส่วนการส่งผ่านแสงต่อความร้อน (Light to Solar Gain) มากกว่า 1.0 และความกว้าง ของกระจกหน้าต่างตามแนวเปลือกอาคารตาม (ข้อ 1.1) ต้องไม่น้อยกว่าความกว้างของผนังทึบส่วนที่อยู่ด้านข้างของหน้ำต่าง
5.2 การใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้สำหรับอาคาร
กรณีที่อาคารมีการผลิตไฟฟ้า จากแสงอาทิตย์ ให้อาคารดังกล่าวสามารถนำค่าพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ไปหักออกจากค่าการใช้พลังงานโดยรวมของอาคารก่อนเปรียบเทียบกับการใช้พลังงานโดยรวมของอาคารอ้างอิง พลังงานหมุนเวียนค่าพลังงานที่ผลิตได้จากแสงอาทิตย์ให้คิดจากค่าพลังงานไฟฟ้ารายปีที่ผลิต โดยเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic Energy : PVE) มีหน่วยเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี (kWh/y)
5.3 การใช้ความร้อนจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้สำหรับอาคาร
สามารถเทียบ ค่าพลังงานความร้อนเป็นพลังงานไฟฟ้ารายปี (Heat to Electrical Energy : HEE) มีหน่วยเป็น กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี (kWh/y) โดยให้อาคารสามารถนำค่าพลังงานไฟฟ้าที่เทียบดังกล่าว ไปหักออกจากค่าการใช้พลังงานโดยรวมของอาคาร
5.4 การใช้พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบอื่น ๆ (Other Renewable Energy : ORE)
นอกจากที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงนี้ตามข้อ 2. และข้อ 3. ให้แสดงรายการคำนวณ ตามหลักวิศวกรรมเทียบเป็นค่าพลังงานไฟฟ้ารายปี มีหน่วยเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี (kWh/y)
โดยการคำนวณค่าต่าง ๆ ให้ใช้วิธีคำนวณตามคำนวณตาม ประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการคำนวณ และการรับรองผลการตรวจประเมินในการออกแบบอาคาร เพื่อการอนุรักษ์พลังงานแต่ละระบบ การใช้พลังงานโดยรวมของอาคารและการใช้พลังงานหมุนเวียนในระบบต่าง ๆ ของอาคาร พ.ศ. 2564
ในกรณีที่อาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลง เลือกวิธีการที่ใช้เพื่อผ่าน การประเมินพลังงาน (แบบ ออพ. 02) เป็นผ่านทุกรายระบบ ผู้ตรวจสอบจะต้องตรวจสอบการผ่าน หรือไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของค่าประสิทธิภาพพลังงานทุกระบบ หรือทุกอุปกรณ์ในส่วนที่ 1 ระบบเปลือกอาคาร (OTTV, RTTV) ส่วนที่ 2 ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง (LPD) ส่วนที่ 3 ระบบปรับอากาศ ส่วนที่ 4 อุปกรณ์ผลิตน้ำร้อน (ถ้ามี) และในกรณีที่อาคารที่ขออนุญาตก่อสร้างหรือดัดแปลง เลือกวิธีการที่ใช้เพื่อผ่านการประเมินพลังงาน (แบบ ออพ. 02) เป็นผ่านการใช้พลังงานโดยรวม ของอาคาร ผู้ตรวจสอบจะตรวจสอบการผ่านหรือไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของค่าประสิทธิภาพ ของระบบ หรืออุปกรณ์เฉพาะอุปกรณ์ผลิตน้ำร้อนในส่วนที่ 4 (ถ้ามีการใช้) และการใช้พลังงาน โดยรวมของอาคาร ส่วนที่ 5 เท่านั้น
6. การใช้พลังงานหมุนเวียน
การใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้สำหรับอาคาร สามารถอ่านได้จากบทความ การใช้พลังงานหมุนเวียน สำหรับอาคารประหยัดพลังงาน ตามเกณฑ์ BEC ปี พ.ศ. 2564
มาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (BEC Award)
มหาวิทยาลัยมีอาคารที่ได้รับ "ฉลากรับรองมาตรฐานการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน" (BEC Award) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)
โดยอาคารที่ได้รับรางวัลบ่งชี้ถึงความสามารถในการประหยัดพลังงานเมื่อเทียบกับอาคารมาตรฐานตามเกณฑ์ BEC ดังนี้:
- เกณฑ์การพิจารณาติดฉลากแบบอาคาร มีเงื่อนไขการผ่านเกณฑ์การออกแบบทุกรายระบบ ได้แก่
- ระบบกรอบอาคาร
- ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง
- ระบบเครื่องปรับอากาศ
- ระบบผลิตน้ำร้อน (ถ้ามี)
- พิจารณาระดับฉลากจากร้อยละของผลประหยัดจากค่าการใช้พลังงานรวมของอาคารที่ออกแบบจริง เปรียบเทียบกับค่าการใช้พลังงานรวมของอาคารมาตรฐานตามเกณฑ์ BEC มีฉลาก มี 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับดี ต้องมีผลประหยัด ตั้งแต่ 30% แต่ไม่เกิน 50%
- ระดับดีมาก ต้องมีผลประหยัด ตั้งแต่ 50% แต่ไม่เกิน 70%
- ระดับดีเด่น ต้องมีผลประหยัด มากกว่า 70% ขึ้นไป
|
ส่วนงาน
|
อาคาร
|
ปี
|
BEC Award
|
|
วิทยาลัยนานาชาติ
|
อาคารเรียนและปฏิบัติการเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ (อาคารกิติมาศ)
|
2559
|
ระดับดีมาก
|
|
คณะเภสัชศาสตร์
|
อาคารผลิตยาและศูนย์ฝึกปฏิบัติเพื่อความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร
|
2559
|
ระดับดีมาก
|
|
คณะสัตวแพทย์
|
อาคารวิจัยและปฏิบัติการทดสอบโรคติดต่อ สัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล กาญจนบุรี
|
2559
|
ระดับดีมาก
|
|
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
อาคารสถามบริการผู้สูงอายุระยะเปลี่ยนผ่าน (Intermedlate Care)
|
2559
|
ระดับดีมาก
|
|
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์
|
อาคารพัฒนาวิชาชีพดนตรีสู่ความเป็นเลิศ
|
2559
|
ระดับดีมาก
|
|
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
ศูนย์วิทยาศาสตร์เวขศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ อาคารศูนย์ผู้ฟื้นฟูผู้สูงอายุ
|
2559
|
ระดับดี
|
|
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
ศูนย์วิทยาศาสตร์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ อาคารศูนย์ฝึกอบรมและวิจัย
|
2559
|
ระดับดี
|
|
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
ศูนย์วิทยาศาสตร์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ อาคารหอผู้ป่วยใน 2
|
2559
|
ระดับดี
|
|
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
ศูนย์วิทยาศาสตร์เวชศาสตรผู้สูงอายุระดับชาติ อาคารหอผู้ป่วยใน 1
|
2559
|
ระดับดี
|
|
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์
|
สถาบันวงดุริยางค์ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์
|
2561
|
ระดับดีมาก
|
|
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ระยะที่ 2
|
2561
|
ระดับดีมาก
|
|
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
|
โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี อาคารเฉลิมพระเกียรติ
|
2565
|
ระดับดีมาก
|
รายละเอียดโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี อาคารเฉลิมพระเกียรติ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ประเภทอาคาร: สถานพยาบาล
พื้นที่อาคาร: 30,715 ตรม.
ความสูง: อาคาร 26 ชั้น ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น สูง 121.5 เมตร
อัตราส่วน WWR (AC ZONE): 0.29%
ENERGY SAVING ผลประหยัดเปรียบเทียบอาคารอ้างอิง: 50%
ค่าอนุรักษ์พลังงาน : Building Energy Code
OTTV = 23.32 W/m2
RTTV = 4.94 W/m2
LPD = 4.20 W/m2
Whole Building Energy: 15,282,424.51 kWh/ year
การออกแบบและการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ : Technical Design
- ผนังคอนกรีตมวลเบา ฉาบปูนเรียบทาสี
- กระจกสีเขียวตัดแสง หนา 6 มิลลิเมตร
- หลังคาคอนกรีต ติดฉนวนกันความร้อน
- เครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ชนิดระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ Centrifugal
- ขนาด 300 ตันความเย็น ที่มีค่าพลังไฟฟ้าต่อตันความเย็น ของระบบปรับอากาศ (กิโลวัตต์ต่อตันความเย็น) เท่ากับ 0.57

Thailand Energy Award และ ASEAN Energy Awards
กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จัดให้มีการประกวด Thailand Energy Awards ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เป็นต้นมา เพื่อเป็นการแสดงความชื่นชมและยกย่องโรงงาน อาคาร บุคลากร และผู้มีส่วนส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทน ที่มีผลงานดีเด่นอันจะเป็นตัวอย่างที่ดีและยังกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับ นอกจากนี้ยังได้คัดเลือกผู้ชนะการประกวดเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดในระดับอาเซียนและระดับนานาชาติ เกิดเป็นผลสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจต่อเนื่องทุกปี
|
หน่วยงานของมหาวิทยาลัยมหิดล
|
อาคารที่ได้รับรางวัล
|
ปีที่ได้รับรางวัล
|
ประเภทรางวัล
|
|
กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม
|
อาคารศูนย์การเรียนเรียนมหิดล
|
พ.ศ. 2560 (2016)
|
Thailand Energy Award 2016: รางวัลดีเด่น ด้านอนุรักษ์พลังงาน ประเภท อาคาร - อาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (อาคารที่ออกแบบตามภูมิอากาศร้อนขึ้น)
ASEAN Energy Awards 2016: รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 อาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน อาคารออกแบบสำหรับภูมิอากาศร้อนชื้น (Tropical Building Category)
|
|
วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
|
อาคารอทิตยาทร
|
พ.ศ. 2560 (2016)
พ.ศ. 2562 (2019)
|
Thailand Energy Award 2016: รางวัลดีเด่น ด้านอนุรักษ์พลังงาน ประเภท อาคาร – ควบคุม
ASEAN Energy Awards 2019: รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด้านอนุรักษ์พลังงาน ประเภทอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (อาคารออกแบบสำหรับภูมิอากาศร้อนชื้น)
|
การออกแบบอาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล (Mahidol Learning Center)
ศูนย์การเรียนรู้มหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ กิจกรรม และศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวมหิดล ทดแทนอาคารกิจกรรมกลางและโรงอาหารเดิมที่ทรุดโทรม มีขนาดเนื้อที่อาคาร 9-3-0 ไร่ (15,600 ตารางเมตร) และงานภูมิสถาปัตย์ ประมาณ 10 ไร่ (16,000 ตารางเมตร) รวมพื้นที่ใช้สอยกับสวนเจ้าฟ้าฯ คือ 36,322.66 ตารางเมตร อาคารสูง 4 ชั้น รูปทรงตัวยู มี Court ภายในด้านทิศใต้ และใต้ถุนโล่ง โดยมีบริษัท อาศรมสถาปนิกชุมชนและสิ่งแวดล้อม จำกัด เป็นผู้ออกแบบ
แนวคิดหลักและการจัดสภาพแวดล้อม
การออกแบบอยู่ภายใต้แนวคิด "นวัตกรรมและเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่ทันสมัย ผสมผสานกับภูมิปัญญาตะวันออก และระบบคุณค่าของความเป็นมหิดล" โดยเน้นการเป็น สถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้น (Tropical Architecture) และ สถาปัตยกรรมที่ยั่งยืน (Sustainable Architecture)
- สร้างสรรค์ที่ว่าง (Space):
- สร้าง "พื้นที่ชุมชน" (Community Space) ในหลากหลายระดับ (Community, Small Community, Individual/Cave Space) เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรแห่ง "มิตรภาพสัมพันธ์" การมีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการสังสรรค์
- ออกแบบให้ผู้ใช้รับรู้ถึงคุณค่า "ความเป็นชาวมหิดล" ผ่านเนื้อหาและสัญลักษณ์ของสมเด็จพระราชบิดา (พระราชดำรัส ผลงาน พระราชานุสาวรีย์) และการสร้างที่ว่างสำคัญสำหรับการเกิดใหม่ (Re-Birth) ของนักศึกษาใหม่
- กำหนดให้หอประวัติพระราชบิดาเป็นพื้นที่สำคัญที่สุด และมีโถงแสดงเกียรติประวัติ (Hall of Fame) เพื่อปลูกฝังสำนึกการอุทิศตัวเพื่อสังคม
- ความยั่งยืนและการประหยัดพลังงาน (Passive Design):
- เน้นการ ระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ และใช้ระบบปรับอากาศเท่าที่จำเป็น (Passive Cooling Design อ้างอิงเรือนไทยโบราณ)
- ออกแบบให้มี แผงกันแดด และ ต้นไม้ ให้ร่มเงาแก่อาคารเพื่อลดความร้อน
- อาคารสูงเพียง 4 ชั้น เพื่อส่งเสริมการเดินเข้าถึงอาคารได้ทั่วถึง และประหยัดพลังงานสำหรับลิฟต์
- เลือกใช้วัสดุที่เน้น ความประหยัด คงทนถาวร และ บำรุงรักษาต่ำ (Low-Maintenance) เช่น อิฐมอญสีส้มโชว์แนว (ผนังภายนอก) และปูนเปลือย เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นธรรมชาติ
- การใช้ศักยภาพของบริบท:
- เชื่อมโยงกิจกรรมและพื้นที่กับ สวนเจ้าฟ้า ซึ่งมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สมบูรณ์
- การวางตำแหน่งอาคารตามแนวเหนือ-ใต้ เพื่อให้ลมพัดผ่านได้ง่าย และลดแดดเข้าอาคาร
- คำนึงถึงความสอดคล้องกับผังแม่บทมหาวิทยาลัย ทั้งแกนที่ว่าง พื้นที่สีเขียว และระบบการสัญจรหลัก
🌳 ภูมิสถาปัตยกรรมและการระบายอากาศ
- การจัดผังบริเวณ: สามารถเข้าถึงอาคารได้ทุกทิศทาง สื่อถึงการเป็นอาคารศูนย์กลาง
- การใช้พืชและต้นไม้: ปลูกไม้ยืนต้นรอบและภายในอาคารเพื่อให้ร่มเงาเป็นแผงกันแดดธรรมชาติ และดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในด้วยพลูด่าง
- ภูมิสถาปัตยกรรม: ออกแบบให้มีตำแหน่งรับกระแสลม มีช่องเปิด/ช่องว่าง ทำให้เกิดการหมุนเวียนและถ่ายเทอากาศได้ดี ใต้ถุนโล่งช่วยกระจายลมได้ทั่วอาคาร มีการใช้บ่อน้ำ/สระน้ำ (เชื่อมต่อสวนเจ้าฟ้าฯ) เพื่อรองรับการระบายน้ำฝนและหมุนเวียนน้ำรดน้ำต้นไม้ ประหยัดน้ำประปา
- วัสดุปูพื้นผิว: เน้นวัสดุธรรมชาติ เช่น อิฐผิวธรรมชาติ ปูนเปลือย เพื่อให้ความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
🧱 สถาปัตยกรรม (Passive Design) โดยละเอียด
|
องค์ประกอบ
|
รายละเอียด
|
|
รูปทรง/ตำแหน่ง
|
สูง 4 ชั้น รูปทรงตัวยู มี Court ภายในด้านทิศใต้ ใต้ถุนโล่ง วางตามแนวเหนือ-ใต้ เพื่อรับลมและลดแดดเข้าอาคาร
|
|
ผนังอาคาร
|
ออกแบบเป็น ผนังสองชั้น ผนังภายนอกใช้ อิฐมอญก่อโชว์แนว ซึ่งเป็นวัสดุพื้นฐานราคาถูก มีความจุความร้อนสูง ช่วยกักเก็บและดูดซับความร้อน ลดภาระเครื่องปรับอากาศ
|
|
ค่าการถ่ายเทความร้อน (OTTV)
|
ค่า OTTV (ผนัง) อยู่ที่ 46.16 วัตต์ต่อตารางเมตร (ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 50 วัตต์ต่อตารางเมตร) และ
ค่า RTTV (หลังคา) อยู่ที่ 6 วัตต์ต่อตารางเมตร โดยมีการใช้วัสดุกันความร้อนใต้หลังคา
|
|
แสงธรรมชาติ
|
ใช้ หลังคา SKYLIGHT บริเวณบันไดหลักและ Court กลาง และใช้ ผนัง GLASS BLOCK บริเวณบันไดและหอนิทรรศการเจ้าฟ้า เพื่อนำแสงสว่างเข้าสู่ภายใน ลดการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน
|
|
การถ่ายเทอากาศ
|
ใช้ระบบ Passive Cooling Design อ้างอิงเรือนไทยโบราณ มีช่องลม ใต้ถุนโล่ง มีระบบน้ำพุใน Court กลางเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
|
⚙️ วิศวกรรม (Active Design) และการจัดการ
|
ระบบ
|
รายละเอียด
|
|
ระบบปรับอากาศ
|
2 ระบบ: VRF (Variable Refrigerant Flow system) - ส่วนหอประวัติฯและห้องจัดเลี้ยง และ ระบบแยกส่วน (Split type) / AHU (ส่วนห้องอื่นๆ)
สมรรถนะการทำความเย็น: 1.02 kW/TR
ภาระการทำความเย็นรวม: 68 วัตต์ต่อตารางเมตร (เฉพาะพื้นที่ปรับอากาศ)
|
|
ระบบแสงสว่าง
|
ใช้หลอด T5 และ LED
กำลังไฟฟ้าส่องสว่างติดตั้ง/ใช้งานจริง: 11 วัตต์ต่อตารางเมตร
|
|
การใช้พลังงานรวม
|
187.17 kWh/m2-ปี
(จากการใช้พลังงานไฟฟ้า 1,728,860 kWh ในช่วง ม.ค.-ธ.ค. 58 และพื้นที่ปรับอากาศ 9,236.60 ตารางเมตร)
|
|
การจัดการพลังงาน
|
อาคารมีองค์ประกอบของ "อาคารสีเขียว"
- ใช้วัสดุผลิตในประเทศ/ฉลากเขียว/รีไซเคิล
- ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟ เบอร์ 5
- ใช้ระบบ Timer เปิด-ปิดไฟ
- มีการจัดการการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสมแก่การใช้งาน
- มีระบบปั๊มน้ำที่ทำงานตามแรงดัน
- มีตู้คาปาซิเตอร์ชดเชยกำลังไฟฟ้า
|
|
สิ่งแวดล้อม
|
มีระบบบำบัดน้ำเสียประจำอาคาร 3 ชุด มีการบำรุงรักษา มีบ่อดักไขมันจากศูนย์อาหาร และมีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วเข้าสู่ระบบรวมของมหาวิทยาลัยเพื่อนำน้ำกลับมาใช้ใหม่
|
|
การบำรุงรักษา
|
มีการจัดทำ PM (Preventive Maintenance) ของทุกระบบในอาคารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานและงบประมาณซ่อมแซม
|





