โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาเชิงระบบเพื่อการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาของเด็กนอกระบบ

detail

การพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และมีความใส่ใจในการทำความเข้าใจสถานการณ์ของเด็กและเยาวชนนอกระบบภายใต้บริบทครอบครัวและสังคมที่มีความสลับซับซ้อน เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบที่มีความยั่งยืน 

เด็กนอกระบบการศึกษาเป็นปัญหาเกิดขึ้นหลายประเทศทั่วโลก เกิดผลกระทบเชิงลบในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคงสังคม เป็นปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน เป็นภาพสะท้อนของภาวะของวิกฤติครอบครัวและสังคม ที่เกิดในสภาวะของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หลากหลาย มีการย้ายถิ่นของประชากร การขยายตัวของเมือง กระแสโลกาภิวัตน์ ฯลฯ หลายหน่วยงานได้พยายามแก้ปัญหาด้วยมาตรการต่างๆ แต่ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด สาเหตุหลักคือการเข้าไม่ถึงธรรมชาติของปัญหาและความต้องการของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น

ประเทศไทยมีการคาดการณ์ว่ามีเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาหลายแสนคน ผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด 19 ยิ่งซ้ำเติมให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีเหตุสำคัญมากมาย เช่น ฐานะยากจน ปัญหาครอบครัว ต้องคดี/ถูกจับ เจ็บป่วย/อุบัติเหตุ อพยพตามผู้ปกครอง หาเลี้ยงครอบครัว และกรณีอื่น ๆ แม้จะมีความพยายามในการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่สถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จำนวนเด็กนอกระบบการศึกษาดูจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั่งโลก ความซับซ้อนทั้งในเชิงสภาพปัญหา สาเหตุ และผลกระทบ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความท้าทายสำคัญยิ่งสองประการ คือความท้าทายเชิงวิธีวิทยาและความท้าทายในเชิงระบบและคนทำงาน

ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และมีความใส่ใจในการทำความเข้าใจสถานการณ์ของเด็กและเยาวชนนอกระบบภายใต้บริบทครอบครัวและสังคมที่มีความสลับซับซ้อน รวมถึงต้องการแสวงหาแนวทางในการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบที่มีความยั่งยืน จึงได้ร่วมมมือและได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อดำเนินงาน "โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาเชิงระบบเพื่อการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาของเด็กนอกระบบ​"


โครงการวิจัยนี้ จึงถูกออกแบบและดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์สำคัญ 4 ประการ ดังนี้

  1. สร้างองค์ความรู้ว่าด้วยความซับซ้อนของปัญหาความไม่เสมอภาคทางการศึกษาของเด็กนอกระบบ
  2. พัฒนาศักยภาพคนทำงานการศึกษากับเด็กนอกระบบ
  3. พัฒนารูปแบบ/กลไกเชิงระบบในการส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษาให้เด็กนอกระบบ
  4. พัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการขับเคลื่อนทั้งในระดับพื้นที่ที่มีบริบทเฉพาะและในระดับชาติ

การดำเนินงานจะเป็นการขับเคลื่อนการแก้ปัญหา โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ทบทวนให้เห็นธรรมชาติของปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ ด้วยสายตาใหม่ ตั้งคำถามกับสิ่งเดิม โดยเฉพาะการมองด้วยแนวคิดความซับซ้อนเชิงระบบ (complex adaptive system) การวิเคราะห์ทางออก พัฒนาเครื่องมือ/วิธีการระบบ ตามแนวคิดใหม่ ลงมือปฏิบัติเพื่อก้ปัญหา สรุปเป็นการเรียนรู้จากผลที่ได้ ใช้ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นใหม่หรือยังคงอยู่ นำกลับมาสู่การวิเคราะห์ หาทางออก และ ปฏิบัติการใหม่ วนเป็นรอบ (feedback loop) ไปเช่นนี้ตลอดกระบวนการ

กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มตัวอย่าง

  1. เด็กที่อยู่ในระบบปกติแต่มีความเสี่ยงสูงต่อการหลุดออกนอกระบบ

โรงเรียนในพื้นที่ศึกษา พื้นที่ละ 1-2 โรงเรียน

  1. เด็กที่อยู่นอกระบบด้วยเงื่อนไขความไม่พร้อมทางครอบครัว ความยากจน การประกอบอาชีพ ฯลฯ

กศน. เทศบาล/อบต. องค์กรเอกชน จำนวนเด็กพื้นที่ละ 30-50 กรณีศึกษา

  1. เด็กนอกระบบที่มีความเปราะบาง/ชายขอบ เช่น เร่ร่อน พิการ มีปัญหาจากสถานภาพทางกฏหมาย ฯลฯ เป็นต้น

กศน. เทศบาล/อบต. องค์กรเอกชน จำนวนเด็กพื้นที่ละ 30-50 กรณีศึกษา

พื้นที่ดำเนินงานคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ เทศบาลขนาดใหญ่/เทศบาลเมือง จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่ เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เทศบาลเมืองขอนแก่น เทศบาลเมืองนครสววรค์ และอาศรมวงศ์สนิท ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีนโยบาย/โครงการ มีความสนใจในการพัฒนาการศึกษาทั้งในระบบที่เป็นทางการและนอกระบบที่เป็นทางการ รวมทั้งมีความสนใจที่จะร่วมในการวิจัย และพื้นที่ที่มีเครือข่ายคนทำงานเดิมที่ทำงานร่วมกัน 


ข้อสรุปสำคัญจากผลการดำเนินงาน

  • ธรรมชาติที่ซับซ้อนและหลากหลายของเด็กนอกระบบต้องการระบบการศึกษาที่หลากหลายในเชิงรูปแบบ แต่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตของเด็ก โดยมีเป้าหมายที่การพัฒนาชีวิตของผู้เรียนแต่ละคนให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพของตนเอง
  • องค์ความรู้ที่ได้ชวนให้กลับมาทบทวนว่า จะทำอย่างไรจึงจะทำให้การศึกษา “ในระบบ” มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับธรรมชาติอันสลับซับซ้อนของเด็ก แทนที่จะพยายามดัดปรับให้เด็กเข้าสู่การศึกษากระแสหลักเพียงฝ่ายเดียว
  • มายาคติสำคัญในการดูแลเด็กนอกระบบที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนฐานของการมองปัญหาแบบเชิงเดี่ยว แยกส่วน และลดทอน จึงทำให้ไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด และจึงทำให้ไม่เห็นศักยภาพที่แท้จริงของเด็กกลุ่มนี้ 
  • กระบวนการทำงานที่สำคัญและจำเป็น คือการทำงานเชิงพื้นที่ (area-based) โดยเปิดพื้นที่ที่หลากหลาย และพัฒนาทักษะที่หลากหลายให้คนทำงาน อันรวมถึงทักษะการทำงานมิติภายในผ่านกระบวนการจิตตปัญญาศึกษา การเยียวยา และการเสริมพลังอำนาจภายในให้ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เยาวชนเหล่านั้นได้พบคุณค่าความหมายของชีวิตตัวเอง และนำพาชีวิตตนให้อยู่ในสังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

Partners/Stakeholders

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

ผู้ดำเนินการหลัก
ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา
ส่วนงานหลัก