โครงการ “การศึกษาพัฒนารูปแบบบริการสุขภาพปฐมภูมิที่บูรณาการกับบริการทางสังคมสำหรับคนพิการ” เป็นโครงการที่วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อนำนโยบายสู่การปฏิบัติ โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ และภาคประชาชน ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), สถาบันสิริธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข, สภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการประเทศไทย (TIL) และ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดความยั่งยืน (SDG 17) ในการพัฒนา/ การดูแลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนพิการ (SDG 3) เป็นการเพิ่มโอกาส /ลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพและบริการทางสังคมของคนพิการ (SDG 10)
ความพยายามขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพให้ตอบสนองความจำเป็นและการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในบริบทสังคมไทย เริ่มจากการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายให้ “ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป” ที่ดำเนินการโดยองค์กรคนพิการและผ่านการรับรองมาตรฐานองค์กรคนพิการโดย พก. ให้สามารถเป็น “หน่วยบริการร่วมให้บริการ” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากข้อเสนอความต้องการของเครือข่ายองค์กรคนพิการในการประชุมคณะกรรมการสุขภาพคนพิการ ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ จากนั้นวิทยาลัยราชสุดาได้จัดทำการศึกษาวิจัย เรื่อง “โอกาสและข้อจำกัดในการร่วมจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์โดยศูนย์บริการคนพิการทั่วไป”(2562) และได้นำผลการศึกษามาสังเคราะห์เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเสนอต่อ สปสช., พก. และเครือข่ายองค์กรคนพิการ จนในที่สุดคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบและออกประกาศให้ “ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป” สามารถขอขึ้นทะเบียนเป็น “หน่วยบริการร่วมให้บริการ” ได้ตามเกณฑ์ที่ประกาศกำหนด เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 และให้มีการเร่งวิจัยพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้เกิด “ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป” ที่สามารถร่วมให้บริการได้จริง ทั้งนี้ วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ทำหน้าที่เป็นหน่วยวิชาการสร้างองค์ความรู้สนับสนุนการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพให้ตอบสนองความจำเป็นและการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการดังกล่าว
ผลจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับภาคีเครือข่าย ในช่วงปี 2562 - 2564 ทำให้เกิดการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และการขับเคลื่อน “ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป” เป็น “ หน่วยบริการร่วมให้บริการ” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เป็นรูปธรรมดังต่อไปนี้
ปี 2563 : การพัฒนามาตรฐาน หลักเกณฑ์ต่างๆ ที่รองรับนโยบาย และประกาศของ สปสช.
เพื่อให้ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป สามารถขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยร่วมให้บริการได้ ดังนี้
- มาตรฐานการบริการ เกณฑ์ประเมินการขอขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ (โดย สถาบันสิรินธรฯ / วิทยาลัยราชสุดา / TIL / สปสช.) เสนอและผ่านการรับรองตามมาตรฐานกรมการแพทย์ โดยสาบันสิรินธรฯ และประกาศใช้โดย สปสช.
- การกำหนดขอบเขตบริการ และหลักเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการสำหรับศูนย์บริการคนพิการ (โดย สปสช. / TIL / วิทยาลัยราชสุดา / สถาบันสิรินธรฯ ) โดยคณะทำงานพัฒนาขอบเขตการบริการและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการ การฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระ (Independent Living) สำหรับศูนย์บริการคนพิการ ได้ศึกษาวิเคราะห์ต้นทุนบริการรายการต่างๆในศูนย์บริการคนพิการทั่วไป และข้อเสนอทางเลือกวิธีการจ่ายค่าบริการจากภาครัฐ (Unit-cost and payment method) โดยในปี 2563 สปสช. มีเห็นชอบอนุมัติงบประมาณปี 2564 ในอัตราจ่าย 9,000 บาท ต่อบริการ 1 คน / 1 ครั้ง
- การพัฒนาหลักสูตรอบรมผู้ให้บริการการฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระสำหรับคนพิการทางกายและการเคลื่อนไหว ที่สอดคล้องกับมาตรฐานบริการฯ ที่กำหนดมาตรฐานของผู้บริการ จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานหลักสูตรที่รับรองโดย วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล (โดย วิทยาลัยราชสุดา / TIL / สถาบัน สิรินธรฯ / สปสช. / พก.) ซึ่งหลักสูตรดังกล่าววิทยาลัยราชสุดา ใช้แนวทางตามมาตรฐานการจัดการศึกษาของประเทศ มาจัดกระบวนการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่คนพิการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากประสบการณ์ตนเอง กระทรวงสาธารณสุขที่เชี่ยวชาญในเชิงวิชาชีพ / สปสช. ที่ดูแลระบบหลักประกันสุขภาพ / สสส. ที่ส่งเสริมการสร้างสุขภาพของทุกคน สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ที่ส่งเสริมการพัฒนานโยบายและการมีส่วนร่วมในการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนพิการ และ กรม พก. ที่ดูแลระบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยจัดทำเป็นหลักสูตรประกาศนียบัตร ที่มีภาคทฤษฎีไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง และการฝึกภาคปฏิบัติ รวมทั้งการศึกษาดูงานบริการที่เกี่ยวข้อง ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน ทั้งนี้ได้ดำเนินการภายใต้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการด้วย
- การจัดอบรมหลักสูตรมีประกาศนียบัตร “บริการฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ (สำหรับคนพิการทางกายและการเคลื่อนไหว) สำหรับผู้ให้บริการ” รุ่นที่ 1 โดยมุ่งสร้างให้ผู้เข้ารับการอบรมเป็นทั้งผู้ให้บริการตามเกณฑ์มาตรฐานการบริการ ซึ่งจะทำให้เข้าเกณฑ์ที่สามารถขึ้นทะเบียนศูนย์บริการเป็นหน่วยร่วมบริการฯ ได้ และสามารถเป็นวิทยากรอบรมผู้ให้บริการรุ่นต่อไปในอนาคตได้ด้วย ซึ่งได้จัดอบรมในระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม - วันที่ 30 กันยายน 2563 มีผู้เข้าอบรมและผ่านการอบรม จำนวนทั้งสิ้น 12 คน ที่มาจากศูนย์บริการคนพิการทั่วไป 3 แห่ง คือ ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการ จังหวัดชลบุรี นนทบุรี และปทุมธานี
ปี 2564 : การขึ้นทะเบียนศูนย์บริการคนพิการทั่วไปเป็นหน่วยร่วมให้บริการ และการติดตามการดำเนินงานของศูนย์บริการ
- เตรียมความพร้อมศูนย์บริการ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยร่วมให้บริการ โดยมีศูนย์บริการที่มีความพร้อมตามเกณฑ์ที่ สปสช. กำหนด และขอขึ้นทะเบียนและรับการตรวจประเมิน จำนวน 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการ จังหวัดชลบุรี นนทบุรี และปทุมธานี โดยทั้ง 3 ศูนย์ ผ่านการประเมิน และ สปสช. ประกาศให้เป็นหน่วยร่วมให้บริการ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น “หน่วยบริการรับการส่งต่อเฉพาะด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์” ในระบบหลักประกันสุขภาพ โดยทั้ง 3 ศูนย์ ได้นำร่องให้บริการ IL คนพิการ จำนวน 8 คน (คนพิการที่ได้รับบริการครบกระบวนการ)
- การติดตามประเมินผลการจัดให้บริการฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระคนพิการ ของหน่วยบริการร่วมให้บริการนำร่อง ได้แก่ ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการชลบุรี ปทุมธานี และ นนทบุรี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ สปสช. พบว่า การดำเนินงานของศูนย์ฯ เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด มีคุณภาพและประสิทธิผลเชิงผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้บรรลุตามเป้าหมาย 100 รายในปีงบประมาณ 2564 อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อCOVID- 19 นอกจากนี้ยังพบว่า อัตราจ่ายชดเชยค่าบริการ ตามที่อนุมัติในอัตรา 9,000 บาทต่อบริการ 1 คน / 1 ครั้ง ยังไม่มีความเหมาะสมกับลักษณะของการบริการ เนื่องจาก การให้บริการคนพิการทางกายหรือการเคลื่อนไหวรุนแรง มีความซับซ้อน และต้องใช้ระยะเวลาในการที่จะสามารถมีวิถีชีวิตอิสระได้ แผนวิถีชีวิตอิสระของคนพิการบางคน อาจจะมีหลายแผน อัตราจ่ายฯ ดังกล่าวอาจจะไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรมต่อการบริการดังกล่าว ดังนั้นจึงได้มี ทบทวนและจัดทำข้อเสนอต้นทุนค่าบริการ Unit cost IL จัดส่งให้สำนักสนับสนุนระบบบริการสุขภาพชุมชน (สบช.) จัดทำข้อเสนอต่อคณะอนุกรรมการกองทุน สปสช. โดยมติคณะอนุกรรมการกองทุน สปสช. เห็นชอบตามข้อเสนอ สบช. ปรับอัตราจ่ายค่าบริการ การฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระ Independent Living : IL สำหรับคนพิการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวที่ให้บริการโดยศูนย์บริการคนพิการทั่วไป จากอัตรา 9,000 บาท /คน เป็นจำนวน 11,000 บาท / คน ในปีงบประมาณ 2565
- การขยายเครือข่ายศูนย์บริการฯ ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการของคนพิการ โดยจัดการประชุมเครือข่าย และเตรียมความพร้อมศูนย์บริการ (ผ่านระบบ Zoom) โดยมีศูนย์บริการคนพิการ ที่ร่วมเตรียมความพร้อม ดังนี้
- กลุ่มศูนย์บริการคนพิการแห่งใหม่ จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์บริการคนพิการไทยใจอาสา จ.อุบลราชธานี / สมาคมฟื้นฟูคนพิการ อำเภอกันทรลักษ์ / ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการ จ.ศรีสะเกษ / ศูนย์เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์เพื่อการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ / ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ พุทธมณฑล จ.นครปฐม
- กลุ่มศูนย์บริการคนพิการนำร่องเดิม เพิ่มการพัฒนาศักยภาพบุคลากรศูนย์ จำนวน 3 แห่งศูนย์ IL จังหวัดชลบุรี / ศูนย์ IL จังหวัดนนทบุรี / ศูนย์ IL จังหวัดปทุมธานี
แผนการดำเนินงานในปี 2565-2566 เป็นการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความยั่งยืน
- การพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรฯ และปรับรูปแบบการอบรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อการดำเนินการพัฒนาบุคลากรของศูนย์ฯ และการขยายศูนย์บริการให้มีจำนวนมากขึ้น เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของผู้เข้าอบรมให้สามารถใช้เทคโนโลยีผสมผสานในการให้บริการได้
- การอบรมหลักสูตรฯ รุ่นที่ 2 เพื่อเพิ่มบุคลากรที่ให้บริการ ที่มีมาตรฐานตามเกณฑ์ของ สปสช.
- การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์บริการฯ เพื่อติดตามผลลัพธ์ในเชิงระบบ/ ผลกระทบต่อ “การดำรงชีวิตอิสระ” ของคนพิการฯ ที่ได้เข้ารับบริการ ทบทวนแนวคิดและหลักการสำคัญ เพื่อส่งเสริมการดำรงชีวิตอิสระ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนพิการฯ ตลอดจนทบทวนเงื่อนไข/ปัจจัยสำคัญ และกระบวนการพัฒนากลไกระบบสุขภาพภาคประชาชน “ศูนย์บริการคนพิการ IL” สู่ “หน่วยร่วมให้บริการ” สู่ “หน่วยบริการรับส่งต่อด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ”
- การขยายเครือข่ายศูนย์บริการ IL ที่ และศูนย์บริการที่ให้บริการประเภทอื่น จำนวนไม่น้อยกว่า 10 แห่ง และสามารถให้บริการคนพิการในเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 20 คน/ 2 ศูนย์บริการ รวมการเพิ่มการเข้าถึงบริการของคนพิการ ไม่น้อยกว่า 200 คน
ผลจากการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมที่ผ่านมา เป็นการพัฒนาระบบและนโยบายบริการที่เป็นบูรณาการเพื่อให้เกิดการเข้าถึงผลลัพธ์การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ในกรณีนี้ คือ การพัฒนา “ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป” ที่เป็นกลไกการให้บริการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในชุมชน ภายใต้มาตรฐานและการกำกับของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สามารถเป็น “หน่วยบริการร่วมให้บริการ” ด้านสุขภาพภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อย่างมีคุณภาพมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการพัฒนาขอบเขตชุดบริการเพื่อเสนอเป็นรายการบริการในชุดสิทธิประโยชน์ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์สำหรับคนพิการ พร้อมอัตราจ่ายที่เป็นธรรม เพื่อเสนอต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนากลไกเพื่อพัฒนาคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่องร่วมกับภาคีเครือข่าย