การตรวจสอบปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยมหิดล ผ่านระบบ Automatic Meter Reading (AMR)

detail
SDGs ที่่เกี่ยวข้อง

มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการติดตั้งระบบอ่านหน่วยมิเตอร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading: AMR) รวมทั้งสิ้น 85 เครื่อง

          การติดตั้งระบบแสดงปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าแบบอ่านค่าอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading - AMR) ของมหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินงานเพื่อตรวจสอบการใช้พลังงานในแต่ละอาคารของมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย โดยมี งานสาธารณูปโภคและระบบอาคาร กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลระบบ

          ในปี พ.ศ. 2564 มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าแบบจานหมุนเป็นมิเตอร์ AMR (Automatic Meter Reading) จำนวน 85 เครื่อง การเปลี่ยนผ่านนี้ช่วยยกระดับความสามารถในการเก็บข้อมูลพลังงานให้ ต่อเนื่องและแม่นยำ และช่วย ลดความผิดพลาดและต้นทุน จากการใช้บุคลากรจดหน่วย

          ข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้าถูกดึงโดยอัตโนมัติผ่านระบบ SCADA Monitoring และแสดงผลบนเว็บไซต์ mahidol amr ระบบ AMR ให้ข้อมูลการใช้พลังงานแบบละเอียด (Granular Data) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ 15 นาที ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถ ระบุอาคารที่มีค่าใช้พลังงานสูงสุดรายวันได้

รูปที่ 1 แผนที่แสดงการติดตั้งมิเตอร์ AMR ในวิทยาเขตศาลายา

สำหรับข้อมูลที่แม่นยำจากระบบ AMR จะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์และระบุการสูญเสียพลังงาน (Wastage Identification) ต่อไป

เมื่อได้ข้อมูลที่แม่นยำจากระบบ AMR แล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปแสดงผลผ่าน ระบบเว็บไซต์ ที่แสดงข้อมูลการใช้พลังงานในแต่ละอาคาร ซึ่งทำให้นำไปสู่กระบวนการระบุการสูญเสียพลังงานที่สำคัญ ได้แก่:

  • การทำ Energy Benchmarking: ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบการใช้พลังงานระหว่างอาคารที่มีลักษณะการใช้งานคล้ายกัน (Benchmarking) เพื่อระบุว่า อาคารใดมีการใช้พลังงานที่สูงผิดปกติ (Outliers) ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการสูญเสียพลังงาน เพื่อหาแนวทางในการลดใช้พลังงานได้
  • การตรวจจับรูปแบบการใช้พลังงานที่ผิดปกติ: ข้อมูลรายวันจาก AMR ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ “โหลดพื้นฐาน (Base Load)” หรือการใช้พลังงานในช่วงนอกเวลาทำการ (เช่น กลางคืน หรือวันหยุด) หากพบว่าโหลดพื้นฐานสูงเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ นั่นหมายถึง มีอุปกรณ์ที่ถูกเปิดทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น หรืออุปกรณ์ที่ทำงานในโหมด Standby อย่างไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งคือการสูญเสียพลังงานโดยตรง
  • การตรวจสอบประสิทธิภาพอุปกรณ์: ข้อมูล AMR สามารถนำไปใช้ร่วมกับการวิเคราะห์วงรอบการทำงานของระบบหลัก (เช่น ระบบทำความเย็น/ปรับอากาศ) เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร (Performance Degradation) หากเครื่องจักรใช้พลังงานมากขึ้นแต่ให้ผลผลิตเท่าเดิม แสดงว่าเกิดการสูญเสียพลังงานจากประสิทธิภาพที่ลดลง

การระบุการสูญเสียพลังงานที่ชัดเจนผ่านระบบ AMR นี้ เป็นการสนับสนุนการตัดสินใจบริหารจัดการพลังงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการใช้พลังงานสูงสุด

ได้แก่: 

  • การดำเนินการแก้ไขแบบตรงจุด (Targeted Intervention): สามารถกำหนดมาตรการประหยัดพลังงานที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละอาคารที่ระบุว่ามีการสูญเสียสูงสุด
  • การประเมินผลโครงการ (Measurement and Verification): สามารถใช้ข้อมูล AMR เป็นหลักฐานในการประเมินผลความสำเร็จของโครงการประหยัดพลังงานที่นำมาใช้ (เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ หรือการติดตั้งพลังงานทดแทน) ว่าสามารถลดการใช้พลังงานได้จริงตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ โดยเทียบกับปริมาณการใช้พลังงานในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนดำเนินโครงการ

ระบบ AMR เป็นเครื่องมือที่เปลี่ยนการใช้พลังงานที่มองไม่เห็นให้กลายเป็นข้อมูลที่วัดผลได้และสามารถวิเคราะห์ได้ นำไปสู่การระบุและจัดการการสูญเสียพลังงานของมหาวิทยาลัยมหิดลอย่างยั่งยืน

 

Partners/Stakeholders

-

ผู้ดำเนินการหลัก
กองกายภาพและสิ่งแวดล้อม
ส่วนงานหลัก