พื้นที่โดยทั่วไปของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มต่ำ เดิมเป็นนาข้าวและนาบัว
ปัจจุบันภายในพื้นที่ศาลายายังคงมีลักษณะของพื้นที่ชุ่มน้ำตามธรรมชาติดั้งเดิมหลงเหลืออยู่จำนวน 2 แห่ง
คือ บริเวณตอนเหนือของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม และตอนใต้ของอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ
เป็นพื้นที่น้ำท่วมในฤดูฝนและแห้งในฤดูแล้งสลับกันไปตามฤดูกาลธรรมชาติเป็นวัฏจักร
มีความหลากหลายทางระบบนิเวศของพื้นที่ชุ่มน้ำ มีต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม ขึ้นปกคลุมหนาแน่น
บริเวณภายในพื้นที่มี หนองน้ำและที่ลุ่มชื้นแฉะ สามารถพบเห็นพรรณไม้น้ำได้หลากหลายชนิด
นอกจากพื้นที่ชุ่มน้ำตามธรรมชาติแล้ว มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มี "ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำ"
ที่สร้างขึ้นมาใหม่ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่มหาวิทยาลัย เพื่อการรระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสีย
ซึ่งในการสร้างและออกแบบจะคำนึงถึงการอนุรักษ์ดั้งเดิม ให้ความสำคัญในการปรับปรุงรักษาสภาพแวดล้อม
จึงเป็นแหล่งที่อยู่ของทั้งพืชและสัตว์หลากหลายสายพันธุ์
ตัวอย่างของพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งที่เป็นธรรมชาติและสร้างขึ้นใหม่ ได้แก่
-
บึงน้ำขนาดใหญ่ มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 20 - 100 เมตร ความลึกประมาณ 3 เมตร
มีทางระบายน้ำเชื่อมต่อกับร่องน้ำรอบมหาวิทยาลัย เช่น บึงน้ำอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรี
รุกขชาติ บึงน้ำหลังเรือนไทย บริเวณพื้นที่อาคารพิพิธภัณฑ์ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์
-
สระน้ำ ขนาดเล็กกว่าบึง มีทางเชื่อมต่อกับร่องน้ำใหญ่ของมหาวิทยาลัย เช่น
สระน้ำบริเวณป้ายอาคารภูมิพลสังคีต
-
บ่อน้ำ สร้างใหม่เพื่อปรับภูมิทัศน์ หรือรองรับน้ำจากบริเวณโดยรอบ
บางแห่งมีทางระบายน้ำเชื่อมต่อกับคลองหรือร่องน้ำ เช่น บ่อน้ำหน้าตึกบัณฑิตวิทยาลัย
บ่อน้ำข้างสนามฟุตบอล
-
บ่อรับน้ำเสีย มีขนาดความกว้างมากกว่า 10 เมตร ความลึกมากกว่า 2 เมตร
สร้างขึ้นเพื่อรองรับน้ำจากอาคารชุดพักอาศัย อาคารใกล้เคียง เพื่อระบายไปสู่บ่อบำบัด เช่น
บ่อน้ำ
บริเวณประตู 5 อาคารชุดพักอาศัย
-
ร่องน้ำใหญ่ที่ขุดขึ้น มีความกว้าง 10-17 เมตร ความลึก 2-4 เมตร เพื่อรองรับน้ำ
ระบายน้ำไปสู่บ่อบำบัด
และเป็นเส้นทางระบายน้ำภายในมหาวิทยาลัย เช่น ร่องน้ำบริเวณคณะเทคนิคการแพทย์
-
คูน้ำ มีความกว้างประมาณ 2 เมตร ความลึกประมาณ 1 เมตร
สร้างขึ้นเพื่อความสวยงามของภูมิทัศน์และเป็นทางระบายน้ำเชื่อมโยงกับร่องน้ำและบ่อน้ำหรือบ่อบำบัด
เช่น คูน้ำ บริเวณสวนเจ้าฟ้า คูน้ำบริเวณหน้าสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน
มหาวิทยาลัยได้ตระหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศดั้งเดิมของพื้นที่ชุ่มน้ำ
ผังแม่บทมหาวิทยาลัยฉบับ ปี พ.ศ.2551 จึงได้กำหนดเป็น “พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ”
เพื่อกิจกรรมการเรียนรู้ การอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นระบบนิเวศดั้งเดิม
และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
โดยห้ามการใช้ประโยชน์ที่ดินในกิจกรรมอื่น ๆ
และกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(Sustainable Development Goals–SDGs) เป้าหมายที่ 6 (SDG6: Clean Water and
Sanitation), เป้าหมายที่ 13 (SDG13: Climate Action) และเป้าหมายที่ 15 (SDG15: Life
on Land)