พื้นที่สีเขียว

ผังแม่บทมหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2551 มีแนวคิดในการพัฒนามหาวิทยาลัยที่ต้องการสร้าง “มหาวิทยาลัยเมืองในฝัน” ส่งเสริมการอยู่อาศัยและการเรียนรู้ควบคู่ไปกับธรรมชาติ (“A promise place to Live and Learn with Nature”) โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยและการศึกษา มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีลักษณะทางกายภาพที่ตอบสนองสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน มหาวิทยาลัยเปรียบเสมือนเป็นบ้านที่สอง และเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของชาวมหิดลทั้งมวล โดยปัจจัยสำคัญของการพัฒนาดังกล่าวมีปัจจัยหลัก 3 ปัจจัย คือ ด้านสังคม ด้านกายภาพ และด้านสิ่งแวดล้อม

แนวคิดหลักที่สำคัญในการสร้างมหาวิทยาลัยที่ส่งเสริมการเรียนรู้ควบคู่ไปกับธรรมชาติ คือ มหาวิทยาลัยสีเขียว (Greens University) มหาวิทยาลัยเปรียบเสมือนเป็นสวนพฤกษศาสตร์ (Arboretum) อันเป็นแนวทางหลักของการพัฒนาทางกายภาพของมหาวิทยาลัย ที่จะดำเนินไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยที่บูรณาการสิ่งแวดล้อมที่ร่มรื่น ส่งเสริมสุขภาวะ สะอาด ปราศจากมลพิษ มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่า มีสภาพภูมิทัศน์ที่สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย กลมกลืนกับธรรมชาติ มีพื้นที่โล่ง พื้นที่สีเขียว เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและเอื้อต่อกิจกรรมการเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งยังส่งเสริมการลดการใช้พลังงาน สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน เพื่อให้นักศึกษาและประชาคมชาวมหิดล สามารถอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี และใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น การพัฒนาดังกล่าว ยังมุ่งหมายให้มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เป็นผู้นำแก่ชุมชนข้างเคียงด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอีกด้วย

มหาวิทยาลัยได้ขยายกรอบความคิดจาก Green University ในการพัฒนาทางกายภาพไปสู่มหาวิทยาลัยเชิงนิเวศน์ (Eco University) ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ ได้แก่

1. ส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร (Resources Efficiency)
2. ส่งเสริมความเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society)
3. ส่งเสริมให้เกิดพันธกิจสัมพันธ์กับชุมชน (Community Engagement)
หลักสำคัญคือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ให้ความสำคัญต่อการลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ รวมถึงการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ และเชื่อมโยงกับชุมชนเป็นเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ อย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยดำเนินนโยบายมุ่งสู่การเป็น มหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน (Sustainable University) โดยดำเนินการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) ตาม 17 เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : 17 SDGs) ซึ่งเป็นกรอบการพัฒนาของโลกในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เพื่อร่วมกันบรรลุการพัฒนาทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เนื่องจากมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มีทรัพยากรพันธุ์ไม้และแหล่งน้ำอยู่มาก การพัฒนาต้องก่อเกิดดุลยภาพระหว่างการอนุรักษ์และการพัฒนา จึงมีการกำหนดพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพื้นที่สีเขียวและพื้นที่พัฒนาอย่างชัดเจน โดยคงรักษาพื้นที่ว่างและพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด ตามผังแม่บทมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมพื้นที่สีเขียว และเก็บรักษาพื้นที่อนุรักษ์ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ รวมทั้ง การรักษาระบบนิเวศของพื้นที่แต่ละส่วนให้มีสภาพเป็นธรรมชาติเดิมให้มากที่สุด และจัดการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ใหม่ให้มากขึ้น โดยการเพิ่มปริมาณต้นไม้ในมหาวิทยาลัย พัฒนาพื้นที่ทิ้งร้างหรือไม่มีการใช้ประโยชน์ พื้นที่รอบอาคาร ระเบียง ดาดฟ้า และโถงภายในอาคาร ให้เป็นพื้นที่สีเขียวแนวราบหรือสวนแนวตั้ง ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของมหาวิทยาลัย ที่จะส่งเสริมการพัฒนาด้านกายภาพอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและภูมิทัศน์ สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม ตลอดจนประชาคมชาวมหิดลได้ตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ช่วยลดอุณหภูมิความร้อน เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ ดูดซับและกรองฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ ในอากาศ รวมทั้งเป็น Landmark ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน

สวนแนวตั้ง (Vertical Garden)

พื้นที่สีเขียวแนวตั้งหรือสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) เป็นศิลปะสถาปัตยกรรมธรรมชาติ(Vertical Garden The art of organic architecture ) ซึ่งอาจมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง และสามารถกำหนดความหลากหลายของพืชพรรณให้เหมาะสมกับรูปแบบอาคาร สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศของแต่ละพื้นที่หรือบริเวณได้ สวนแนวตั้งสามารถแบ่งตามลักษณะชนิดของอุปกรณ์ได้ 5 ประเภท ดังนี้

1. ผนังผ้า (Felt system)

ลักษณะการปลูกบรรจุต้นไม้ขนาดเล็กถึงกลาง ลงในกระเป๋าผ้า ที่มีดินปลูกที่เหมาะสม ยึดติดกับโครงผนัง นิยมใช้วัสดุเป็นถุงผ้าแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ ซึ่งมีข้อดี ถุงผ้ามีน้ำหนักเบา รักษาความชื้นได้ดี น้ำซึมผ่านได้ ไม่ขึ้นราง่าย และรากต้นไม้ยึดเกาะได้ดี

2. แผ่นผนังเขียว (Panet System)

ลักษณะการปลูกบรรจุต้นไม้ขนาดเล็กถึงกลาง ลงในกระเป๋าผ้า ที่มีดินปลูกที่เหมาะสม ยึดติดกับโครงผนัง นิยมใช้วัสดุเป็นถุงผ้าแผ่นจีโอเท็กซ์ไทล์ ซึ่งมีข้อดี ถุงผ้ามีน้ำหนักเบา รักษาความชื้นได้ดี น้ำซึมผ่านได้ ไม่ขึ้นราง่าย และรากต้นไม้ยึดเกาะได้ดี

3. กระถางแขวน (Hanging Planters)

ลักษณะเป็นโครงสำหรับใส่กระถางให้เอียงซ้อนกันเป็นแนวตั้งโดยที่ดินปลูกไม่หกเลอะออกมา อาจใช้กระถางกลม เหลี่ยม หรือกระถางยาว ที่มีรูระบายน้ำได้ดี พืชพันธุ์ที่ใช้มักเป็นชนิดห้อยลงมาปกคลุมไม่ให้เห็นกระถาง การให้น้ำนิยมใช้วิธีการเดินท่อระบบน้ำหยดจ่ายน้ำลงกระถางทุกชั้นอย่างสม่ำเสมอ

4. บล็อกปลูกต้นไม้ (Planting Block Wall)

ลักษณะเป็นผนังบล็อกคอนกรีตหรือดินเผ มีช่องสำหรับใส่ต้นไม้ยึดกับโครงสร้างหรือก่อเป็นผนังถาวร มีรูระบายน้ำหยดผ่านบล็อกแต่ละชั้นตามเหมาะสม เพื่อสามารถให้น้ำและสารอาหารอย่างทั่วถึง พืชพันธุ์ไม้ชนิดในร่ม ได้แก่ พลูด่าง โฮย่า เดฟ ริปซาลิส ชนิดพันธุ์ไม้กลางแจ้ง ได้แก่ ริบบิ้นแดง-เขียว ผักเป็ดแดง-เขียว หลิว หัวใจม่วง ฯลฯ

5. ผนังไม้เลื้อย (Climbing Plants on Trellis System)

ปลูกไม้เลื้อยในดินหรือกระบะปล่อยให้เลื้อยไปบนผนังหรือโครงยึดเกาะจนเต็มแผง สามารถใช้กันแดดผนังอาคารได้ดี พืชพันธุ์ที่ใช้ปลูก ได้แก่ ตีนตุ๊กแก สร้อยอินทนิล จันทร์กระจ่างฟ้า ม่านบาหลี สายน้ำผึ้ง สร้อยฟ้า หิรัญญิการ์ ใบระบาด ฯลฯ

ประโยชน์ของสวนแนวตั้ง

1. เพิ่มพื้นที่สีเขียว
2. ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างระบบนิเวศ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาโลกร้อน และยังช่วยลดฝุ่นละอองและสารพิษบางชนิด
3.ลดความร้อนในอาคาร ช่วยประหยัดพลังงาน
4. ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสร้างบรรยากาศสุนทรียภาพให้กับพื้นที่
5. เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เช่น แมลงต่างๆ

สวนแนวตั้งในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา สามารถพบเห็นสวนแนวตั้งได้หลายแห่งและหลายรูปแบบ ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและส่วนงานมหาวิทยาลัย เป็น Landmark ของมหาวิทยาลัยและที่จดจำของผู้พบเห็น ช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักศึกษา

1. อาคารมหิดลอดุลยเดช-พระศรีนครินทร คณะพยาบาลศาสตร์ ลักษณะเป็นรางคอนกรีตบนโครงสร้างโดยรอบอาคารที่ถูกออกแบบเฉพาะ บรรจุดินและวัสดุยึดราก ปลูกต้นปีบ

2. อาคารจอดรถสิทธาคาร ลักษณะเป็นรางคอนกรีตบริเวณระเบียงกันตกโดยรอบอาคาร ออกแบบก่อสร้างมาพร้อมอาคาร บรรจุดินปลูกต้นสร้อยอินทนิล

3. อาคาร 3-4 คณะวิทยาศาสตร์ (บริเวณด้านหน้าอาคาร) ลักษณะเป็นรางคอนกรีตบริเวณกันสาดรอบอาคาร ออกแบบก่อสร้างมาพร้อมอาคาร บรรจุดินปลูกพืชพันธุ์หลากหลาย

4. อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านสัตวศาสตร์และสัตวแพทยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ลักษณะเป็นกระถางปลูกต้นไม้ขนาดเล็กวางบริเวณกันสาด คอร์ทกลางอาคาร ปลูกพืชพันธุ์หลากหลาย

5. หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล (บริเวณด้านหน้าอาคาร) เป็นสวนแนวตั้งผนังตะแกรงเหล็ก ปลูกไม้เลื้อยและวางกระถางต้นไม้ขนาดเล็ก เช่น พลูด่าง

6. สวนแนวตั้งบริเวณด้านหน้าเรือนเพาะชำ ตรงข้ามลานจอดรถ 3 (Parking 3 ) กองกายภาพและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 โดยบริษัท ไม้เดิม จำกัด ลักษณะเป็นสวนแนวตั้งผนังผ้ายึดติดโครงผนังเหล็กในแนวรั้วเดิมของ MU Garden ขนาดสวนแนวตั้ง สูง 2.4 เมตร ยาว 37.0 เมตร พันธุ์ไม้ตกแต่งลวดลาย ได้แก่ สับปะรดสี บุษบาฮาวายด่าง พุดศุภโชค แดงชาลี และหนวดปลาหมึกเขียว พร้อมระบบรดน้ำอัตโนมัติ

7. สวนแนวตั้งอาคารสิริวิทยา เป็นสวนแนวตั้งผนังผ้ายึดติดโครงผนังเหล็ก ตั้งอยู่บริเวณผนังอาคารสิริวิทยาฝั่งถนนส่องไทยทัศน์ มีขนาด สูง 6.6 เมตร ยาว 22.0 เมตร แนวคิดในการออกแบบลวดลายสวนแนวตั้ง ใช้ความแตกต่างของสีสัน และ texture ของพืชพรรณที่หลากหลาย เพื่อสร้างสรรค์เป็นรูปดินสอวางอยู่บนหนังสือที่เปิดอ่านเพื่อสอดคล้องกับแนวคิดของการออกแบบอาคารสิริวิทยา

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้วางแผนพัฒนาพื้นที่สวนแนวตั้งในอนาคต ตามนโยบายการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยมหิดลสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) โดยได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับพัฒนาสวนแนวตั้ง ดังนี้

1. สวนแนวตั้งบริเวณ cower way ในพื้นที่โซนการศึกษาหลัก เป็นสวนแนวตั้งผนังตะแกรงปลูกไม้เลื้อยชนิดไม้ใบหรือไม้ดอกสวยงาม จำนวนพื้นที่รวม 912 ตารางเมตร
2. สวนแนวตั้งบริเวณด้านหลังศาลาที่พักคอยรถราง จำนวน 22 ศาลา เป็นสวนแนวตั้งผนังตะแกรงปลูกไม้เลื้อยชนิดไม้ดอกสวยงาม จำนวนพื้นที่รวม 440 ตารางเมตร
3.สวนแนวตั้งบริเวณพื้นที่สวนทางเข้าด้านหน้าอาคารสำนักงานอธิการบดี ด้านซ้ายและขวาลักษณะเป็นสวนแนวตั้ง 3 มิติ ปลูกไม้กระถางชนิดไม้ใบสลับไม้ดอกสวยงาม จำนวนพื้นที่รวม 260 ตารางเมตร
4. สวนแนวตั้งอาคาร 3-4 คณะวิทยาศาสตร์ ลักษณะเป็นสวนแนวตั้งปลูกในรางคอนกรีตเดิมบริเวณกันสาด ที่ถูกออกแบบก่อสร้างมาพร้อมอาคาร จำนวนพื้นที่รวม 3,750 ตารางเมตร

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังส่งเสริมการนำพื้นที่ว่างหรือพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ รวมทั้งพื้นที่สีเขียวปัจจุบันมาพัฒนาเพื่อการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับกิจกรรมการศึกษา กีฬา นันทนาการ และเป็นองค์ประกอบอาคารอย่างสมดุล โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่กิจกรรม ทางเดินต่างๆ และการปรับปรุงพื้นที่แหล่งน้ำ เพื่อให้เกิดความใกล้ชิดกับธรรมชาติและเกิดปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมของประชาคมชาวมหิดลมากขึ้น เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและบรรยากาศที่ดีและปลอดภัยในการทำงาน มีการสร้างภูมิทัศน์ สวนสาธารณะ ที่มีความหลากหลายของพืชพรรณต่างๆ ทั้งพืชพรรณไม้พื้นถิ่น พืชสมุนไพร และพืชพรรณเพื่อการศึกษาวิจัย รวมไปถึงการสร้างเอกลักษณ์และเหมาะสมของพื้นที่ทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมของมหิดล ก่อให้เกิดการใช้พื้นที่ว่างและพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน และเป็นแบบอย่างแก่ชุมชนและสังคม สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ของสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 11 (SDG11: Sustainable Cities and Communities), เป้าหมายที่ 13 (SDG13: Climate Action) และเป้าหมายที่ 15 (SDG15: Life on Land)