Policies & Plans

นโยบายการบริหารจัดการน้ำมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2568

                           โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีกลยุทธ์ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า ลดการใช้พลังงานในการผลิตน้ำประปา และจัดการน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันมลภาวะทางน้ำและลดภาวะโลกร้อนที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องให้บุคลากรดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ และปฏิบัติให้สอดคล้องตามกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง

                           อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (1) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2550 อธิการบดีจึงกำหนดนโยบายไว้ดังนี้

                           ข้อ 1 ห้ยกเลิกประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล ดังต่อไปนี้

                                 (1) ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง มาตรการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2563

                                 (2) ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง นโยบายการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายจากแหล่งน้ำ พ.ศ. 2564

                           ข้อ 2 ในประกาศนี้

  • “ส่วนงาน” หมายความว่า สำนักงานสภามหาวิทยาลัย สำนักงานอธิการบดี วิทยาเขต คณะ และส่วนงานที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ
  • “นักศึกษา” หมายความว่า นักศึกษาของมหาวิทยาลัย ระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษา รวมถึงนักเรียนในสังกัดวิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และโรงเรียนสาธิตนานาชาติ
  • “บุคลากร” หมายความว่า พนักงานมหาวิทยาลัย ข้าราชการ ลูกจ้าง รวมถึงอาจารย์พิเศษหรือบุคคลใดที่ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติงานให้กับมหาวิทยาลัย
  • “อาคาร” หมายความว่า อาคารเดี่ยวหรือกลุ่มอาคารที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
  • “น้ำทิ้ง” หมายความว่า น้ำเสียที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียจนเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง โดยมหาวิทยาลัยมหิดลเข้าข่ายอาคารประเภท ก. ที่มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 25,000 ตารางเมตรขึ้นไป

                           ข้อ 3 มหาวิทยาลัยกำหนดให้มีนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Mahidol University Sustainability Action) ตาม 17 เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : 17 SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 7 ว่าด้วยการเข้าถึงพลังงานที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ดังนี้

                                 3.1 การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและการลดใช้น้ำประปา

                                       (1) กำหนดเป้าหมายการประหยัดน้ำประปาในแต่ละปีและสื่อสารให้บุคลากรและนักศึกษาเข้าใจ

                                       (2) รณรงค์และจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกเรื่องการประหยัดน้ำ

                                       (3) เลือกใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดน้ำ เช่น หัวก๊อกน้ำแบบเซนเซอร์ ฝักบัว และโถปัสสาวะประหยัดน้ำ

                                       (4) ตรวจสอบท่อน้ำและมิเตอร์อยู่เป็นประจำ และซ่อมแซมเมื่อพบการรั่วซึม

                                       (5) กำหนดมาตรการใช้น้ำในภาวะวิกฤติหรือภัยแล้ง

                                       (6) บริหารจัดการการรดน้ำต้นไม้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ระบบน้ำหยด และรดน้ำช่วงเช้าหรือเย็น

                                 3.2 การจัดการและบำบัดน้ำเสีย

                                       (1) ค่าน้ำทิ้งจากอาคารต้องเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้ง ดังนี้

  • pH 5.5 – 9.0
    BOD ไม่เกิน 20 mg/L
  • Total Suspended Solids ไม่เกิน 30 mg/L
  • Total Dissolved Solids ไม่เกิน 1,000 mg/L
    Sulfide ไม่เกิน 1.0 mg/L
  • TKN ไม่เกิน 35 mg/L
  • Fats, Oil and Grease (FOG) ไม่เกิน 20 mg/L

                                       (2) ส่วนงานที่มีระบบบำบัดน้ำเสีย ต้อง

  • ดำเนินการบำรุงรักษาระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
  • วิเคราะห์คุณภาพน้ำก่อนและหลังบำบัด และรายงานผลต่อกองกายภาพและสิ่งแวดล้อมทุกเดือน

                                       (3) ห้ามปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำผิวดินภายในมหาวิทยาลัย หากฝ่าฝืน มหาวิทยาลัยจะจัดเก็บค่าบำบัดและค่าปรับ

                                 3.3 การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) และการป้องกันมลพิษ

                                       (1) ศึกษาและนำน้ำบำบัดที่ได้มาตรฐานกลับมาใช้ทดแทนน้ำประปา

                                       (2) ให้ใช้แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัยและ/หรือน้ำบำบัดที่ได้มาตรฐานในการดูแลพื้นที่สีเขียว

                                       (3) ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ปุ๋ย และสารกำจัดศัตรูพืช เพื่อป้องกันการไหลลงสู่ทางน้ำสาธารณะ

Download Full Version